การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า แต่ระหว่างเทรดในช่วงบ่ายดัชนีฯสามารถเด้งขึ้นมาอยู่ในแดนบวกได้เล็กน้อย โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,259.50 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,240.38 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 195 หลักทรัพย์ ลดลง 431 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 227 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เนื่องจากยังรับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ โดยเฉพาะวันที่ 13 ม.ค.ที่จะถึงนี้จะมีการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ในระหว่างเทรดช่วงบ่ายตลาดฯมีการรีบาวน์กลับขึ้นมาได้บ้าง จากแรงหนุนของหุ้นในกลุ่มพลังงาน มองว่าหุ้นกลุ่มนี้มีความผันผวนจำกัด เพราะรายได้หลักมาจากต่างประเทศ อีกทั้งราคาหุ้นไทยปรับตัวลงมามาก จึงจูงใจในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน เรียกได้ว่าหุ้นถูก แต่การรีบาวน์ก็เป็นแค่ในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากยังต้องรอดูความเสี่ยงจากการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียมีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบค่อนข้างแคบ เนื่องจากตลาดฯกำลังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้ ประกอบกับมีความกังวลเกี่ยวกับการลดขนาด QE ซึ่งสหรัฐฯจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในช่วงปลายเดือนนี้(ม.ค.)ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายธนเดช กล่าวว่า คงจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองเป็นหลัก ซึ่งมองแนวรับไว้ที่ 1,250 จุด หากดัชนีฯลงมาต่ำกว่าระดับนี้จะไม่ดีในระยะสั้น เพราะมีโอกาสจะลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,230 จุด ซึ่งถ้าสถานการณ์ไม่มีการปะทะกันจนเกิดความรุนแรงขึ้น ดัชนีฯก็ไม่น่าจะลงต่ำกว่าระดับ 1,200 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,270 จุด อย่างไรก็ดีแนะนำให้ Wait & See รอให้สถานการณ์การเมืองคลี่คลายไปก่อน
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,202.27 ล้านบาท ปิดที่ 199.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,814.17 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,752.53 ล้านบาท ปิดที่ 75.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,542.75 ล้านบาท ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,267.07 ล้านบาท ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 0.50 บาท