"สุกสมบูนกรุ๊ป"กางแผน Dual Listing ตลาดหุ้นลาว-ไทย ขยายธุรกิจปูน-เทคฯเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 16, 2014 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มธุรกิจปูนในเครือสุกสมบูนกรุ๊ปของลาวศึกษาการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะเป็นการจดทะเบียนสองตลาด(Dual Listing)ควบคู่กับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวที่จะดำเนินการในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นช่องทางระดมทุนรองรับการขยายธุรกิจปูนครบวงจรไปสู่เขื่อนพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่น้ำเทิน 3 และ น้ำเทิน 4 ราว 250 เมกะวัตต์ในอนาคต

นายจิตตะกอน สุกสมบูน ผู้อำนวยการ กลุ่มบริษัท สุกสมบูน จำกัด ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลาวในอีก 1-2 ปีข้างหน้า และมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วย โดยขณะนี้ทางการลาวและไทยอยู่ระหว่างการเจรจาหลักเกณฑ์ Dual Listing คาดว่าอีก 2 ปีน่าจะมีความพร้อมพอดีกับที่โรงปูนเม็ดแห่งแรกของบริษัทตั้งอยู่ในแขวงคำม่วนของลาวสร้างแล้วเสร็จ

"เราจะ list ในตลาดหุ้นลาวภายใน 2 ปี หรืออาจเร็วกว่านั้น แล้วก็จะไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย รอให้โรงปูนเม็ดเป็นรูปเป็นร่างพอดี"นายจิตตะกอน กล่าว
โรงปูนเม็ด(Clinker)แห่งแรกของบริษัท ใช้เงินลงทุนราว 330 ล้านเหรียญสหรัฐ ขนาดกำลังการผลิต 5 พันตัน/วัน อยู่ระหว่างการก่อสร้างติดแหล่งสัมปทานเขาหินปูนของบริษัท โดยมีที่ดินบนพื้นราบ 8 พันไร่ และพื้นที่เขาอีกกว่า 2.4 พันไร่ ซึ่งประกอบด้วยแหล่งวัตถุดิบสำคัญทั้งดินเหนียว ดินลูกรัง(Laterit) ทราย หินปูนไฮเกรดราว 163-236 ล้านตัน ที่สามารถรองรับการผลิต Clinker ตามแผนงานของบริษัทได้ราว 130-143 ปี นอกจากนั้นยังมีแร่ Dolomite อีกราว 200 ล้านตัน คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตปูนเม็ดได้ในปี 59

บริษัทยังมีแผนจะขยายกำลังการผลิตในเฟสที่ 2 ด้วยการสร้างโรงปูนเม็ดขนาดกำลังผลิต 1 หมื่นตัน/วันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ประเมินมูลค่าการลงทุรนเบื้องต้นราว 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินลงทุนส่วนหนึ่งประมาณ 30% จะใช้เงินจากการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ร่วมกับเงินรายได้และกำไรของโรงแรก เพื่อรองรับความต้องการของตลาดลาวและจังหวัดทางภาคอีสานของไทยราว 6 จังหวัดที่เป็นตลาดหลัก

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนซื้อกิจการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง คือ น้ำเทิน 4 ขนาด 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้เอกชนลาวได้เซ็น MOU กับรัฐบาลลาวไปแล้ว และน้ำเทิน 3 ขนาด 100 เมกะวัตต์ รัฐวิสาหกิจของเวียดนามเข้ามาสำรวจเบื้องต้นแล้ว คาดว่าทั้งสองโครงการจะต้องใช้เวลาอีกราว 3 ปี เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้ในโรงปูนเม็ด โดยประเมินว่าโรงปูนเม็ดเฟสแรกจะใช้กำลังไฟฟ้าราว 70 เมกะวัตต์ ซึ่งในกระบวนการผลิตสามารถนำพลังความร้อนมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้กับสาธารณูปโภคในโรงงานประมาณ 10 เมกะวัตต์ เบื้องต้นก่อนที่เขื่อนทั้งสองจะเกิดขึ้น บริษัทก็จะซื้อไฟฟ้าจากแหล่งอื่นไปก่อน

พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการสำรวจแหล่งถ่านหินในรัศมีไม่เกิน 30 กิโลเมตรจากโรงปูนเม็ด คาดว่าจะมีปริมาณถ่านหินราว 27 ล้านตัน ซึ่งจะนำมาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบผลิตปูนเม็ด เพื่อทดแทนการซื้อด้วย

นายจิตตะกอน กล่าวว่า ผลผลิต Clinker ที่ได้จากโรงงานเฟสแรกส่วนหนึ่งจะส่งไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตปูนผงของโรงงานที่นครพนม กำลังผลิค 5 แสนตัน/ปีที่ใกล้จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/57 มูลค่าลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท และมีโครงการจะขยายกำลังผลิตขึ้นเป็น 1 ล้านตัน/ปีในขั้นต่อไปด้วย รวมทั้งส่งให้กับโรงปูนผงที่เวียงจันทน์ กำลังการผลิต 4.5 แสนตัน/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ