ทั้งนี้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของธนาคารเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สินเชื่อยังเติบโตเกินเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนของสินเชื่อภาคธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย ตลอดจนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดย ณ 31 ธ.ค.56 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ 1,710,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180,503 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.80 มีเงินฝาก 1,883,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 216,833 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.01 จากสิ้นปี 55
จากการที่ผลประกอบการของธนาคารสูงกว่าเป้าหมายและโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ธนาคารจึงได้กันสำรองหนี้สูญฯ ตามงบการเงินเฉพาะ เพิ่มอีก 5,600 ล้านบาท นอกเหนือจากสำรองหนี้สูญฯ ตามปกติ 6,000 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีการตั้งสำรองฯรวม 11,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ความระมัดระวัง เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 95.20 เป็นร้อยละ 114.18 มากกว่าเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับกำหนด
นอกจากนี้ ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ได้พัฒนาดีขึ้นเป็นลำดับ เห็นได้จากสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ตามงบการเงินเฉพาะธนาคาร มีจำนวน 55,026 ล้านบาท ลดลง 4,145 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs Ratio net) ลดลงจากร้อยละ 1.75 เหลือร้อยละ 1.49 ส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 มีจำนวน 190,396 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.17 และเงินกองทุนรวมจำนวน 276,696 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.79 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามเกณฑ์ความเสี่ยง
นายวรภัค กล่าวต่อไปว่า ในปีที่ผ่านมาธนาคารได้เริ่มโครงการ KTB Transformation โดยปรับกระบวนการทำงานครั้งใหญ่ทั่วทั้งองค์กร เพื่อทวงคืนตำแหน่งที่หนึ่งในใจลูกค้า ทั้งการบริหารความเสี่ยง การอนุมัติสินเชื่อ ตลอดจนการบริหารทรัพยากรบุคคล
สำหรับแผนธุรกิจในปี 57 ธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตและความมั่งคั่งให้กับลูกค้า รวมทั้งให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ธนาคารจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ลดต้นทุนทางการเงิน รวมทั้งปรับวิสัยทัศน์จาก Convenience Bank หรือธนาคารแสนสะดวก เป็น KTB Growing Together โดยธนาคารกรุงไทยพร้อมที่จะเติบโตไปกับลูกค้าทุกกลุ่ม