บลจ.กสิกรฯส่งกองตราสารหนี้ตปท.6-12เดือน ผลตอบแทน3.20% ขาย23-29ม.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 23, 2014 17:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ไอ (KEFF6MI) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.05 % ต่อปี เสนอขายในวันที่ 23-29 มกราคม 2557 และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บี (KEFF1YB) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20 % ต่อปี เสนอขายในวันที่ 24-29 มกราคม 2557

ทั้งสองกองทุนดังกล่าวผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท เพื่อเสนอเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยต้องการสร้างโอกาสรรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

จากการประชุมของ กนง. เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ส่วนทางกับการคาดการณ์ของตลาดซึ่งมองว่าปัจจัยกดดันทางการเมืองและปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจมีผลทำให้คณะกรรมการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ทั้งนี้ บลจ.มองว่าหากการเมืองยังคงมีความยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในปีนี้ ก็อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุมของกนง.ครั้งต่อไป ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างนี้สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เพื่อล็อกโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนในระยะสั้น

"จากมติการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ส่วนทางกับตลาดซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดลง 0.25% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2557 ลดลงจากเดิม 4% เป็น 3% อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อและไม่มีทางออก รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 60 วันของรัฐบาล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาวะการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทำให้เกิดความผันผวนต่อเนื่องได้"น.ส.ยุพา กล่าว

ทั้งนี้ มองว่าผู้ลงทุนควรต้องติดตามสถานการณ์การเมืองต่อไปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากประเมินว่า กนง.อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ในการประชุมครั้งต่อไปในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ โดยในระหว่างนี้ บลจ.กสิกรไทยแนะนำให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดระยะเวลาชัดเจน ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนเอาไว้ก่อน และเป็นการพักเงินเพื่อรอดูความชัดเจนด้านเศรษฐกิจต่อไป

สำหรับตราสารที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ไอ (KEFF6MI) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝากของ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และ BBB ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB และ BBB- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในตั๋วแลกเงิน บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+

ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บี (KEFF1YB) ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Akbank T.A.S. และตราสารหนี้ Garanti Bank, ประเทศตุรกี รวมทั้งยังลงทุนใน Commercial paper ที่รับประกันโดย Sberbank, ประเทศรัสเซีย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB, BBB- และ BBB ตามลำดับ โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศ ในวันที่ 23-29 มกราคม 2557 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีเอ็กซ์ (KFI3MDX) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.95% ต่อปี โดยสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+, AA- และ AA- ตามลำดับ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFI3MDX, กองทุน KEFF6MI และกองทุน KEFF1YB


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ