(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวน รอผลวินิจฉัยศาลรธน.กรณีเลื่อนวันเลือกตั้ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 24, 2014 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยมองว่านักลงทุนอยู่ระหว่างติดตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีคำตัดสินให้จัดการเลือกตั้งต่อไปในวันที่ 2 ก.พ.นี้หรือไม่ และคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นก็จะมีการตอบรับในคำตัดสินที่ออกมา

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ ปรับตัวลงไปอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนม.ค. ออกมาไม่ดีนัก

พร้อมให้แนวรับ 1,290 จุด แนวต้าน 1,330 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(23 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,197.35 จุด ลดลง 175.99 จุด(-1.07%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,828.46 จุด ลดลง 16.40 จุด(-0.89%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,218.87 จุด ลดลง 24.13 จุด(-0.57%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 222.32 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 211.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 13.61 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 6.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 13.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 6.02 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 5.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 3.47 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ ลดลง 16.65 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.51 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(23 ม.ค.)ที่ 1,308.34 จุด เพิ่มขึ้น 17.85 จุด (+1.38%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,863.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ม.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(23 ม.ค.)ที่ 97.32 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.59 ดอลลาร์ฯหรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(23 ม.ค.)ที่ 5.46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 32.84/86 แข็งค่าตามภูมิภาค ลุ้นศาลฯเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่
  • สภาธุรกิจตลาดไทย-สภาท่องเที่ยวแถลงการณ์วอนรัฐ เลิกสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนกำหนด 60 วัน ย้ำยังไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้ ระบุ กระทบความเชื่อมั่นการลงทุนต่างชาติ นักลงทุนนอกหลายรายยกเลิกแผนเดินทางเยือนไทย ด้านสทท.ผนึก 77 สมาคมส่งหนังสือนายกฯเลิกฉุกเฉิน ประเมินฉุดรายได้ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก 8 หมื่นล้านบาท เชื่อยืดระยะยาวถึง 60 วันความเสียหายลุกลามกว่าคาดการณ์
  • ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.มีมติเอกฉันท์รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไว้พิจารณาและจะวินิจฉัยในวันที่ 24 ม.ค. ว่าอำนาจการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นอำนาจของ กกต.หรือของคณะรัฐมนตรี
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ชี้สถานการณ์การเมืองในไทยส่อฉุดปัจจัยเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่ม พร้อมประเมิน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้ง ยอมรับเศรษฐกิจไทยภูมิต้านทานยังดี แต่ห่วงสถานการณ์ยืดเยื้อ กระทบภาคธุรกิจ ดันความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อเพิ่ม พร้อมเปิดมุมมองกลุ่ม "แบงก์พาณิชย์ไทย" ปีนี้ แนวโน้มเป็นลบ เหตุมีความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของสินเชื่อธุรกิจเพิ่ม หวั่นความสามารถรองรับความเสี่ยงจากผลขาดทุน ลดลงหากเศรษฐกิจชะลอแรง
  • กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมรับการเมืองยืดเยื้อทำลูกค้าวูบ 20% ไทคอนยังเชื่อลูกค้าต่างชาติยังสนใจใช้ไทยเป็นฐานผลิต แต่รอการเมืองสงบ-จัดตั้งรัฐบาลได้ ขณะที่เหมราชฯ รับรายได้ปีนี้โตหลักเดียวหลังยอดขายที่ดินลด-ไม่มีรายได้จากการขายกองทุน เดินหน้าเปิดนิคมใหม่จับลูกค้ากลุ่มยานยนต์
  • นายณรงค์ชัย อัครเศรณี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด กนง. เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการพูดถึงระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ดูจากข้อมูลล่าสุดพบว่าเอ็นพีแอลยังไม่เพิ่มสูงขึ้นถึงขั้นน่าห่วง จนจะสร้างปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจไทยในขณะนี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • HEMRAJ(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.48 บาท ปัจจัยหนุนในระยะสั้นคือความเป็นไปได้ที่บริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุน HPF ราว 1.2 พันล้านบาท หรือ 0.12 บาท/หุ้นเข้ามาใน 4Q56 ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นอีก 0.06 บาท/หุ้นจากปันผลปกติงวด 2H56 ที่คาดไว้ที่ 0.08 บาท/หุ้น หรือรวม 0.14 บาท/หุ้น คิดเป็นระดับ Dividend Yield สูงถึง 5.0% ขณะที่ผลการดำเนินงานปกติยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากใน 4Q56 จากการที่โครงการ GHECO-ONE สามารถผลิตได้เต็มที่มากขึ้น และบริษัทรายได้จากที่ดิน ที่มีงานในมือรอบันทึกรายได้ราว 4.1 พันล้านบาทในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
  • CPALL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 52 บาท ราคาหุ้นในปัจจุบันรับรู้ผลกระทบจากแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q56 ที่คาดจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY ไปแล้ว เนื่องจากบริษัทยังคงต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายซื้อกิจการ MAKRO ต่อเนื่องจากใน 3Q56 รวมทั้งมีต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้สกุลดอลลาร์บางส่วนด้วย อย่างไรก็ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ขณะที่บริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ Synergy ที่จะเกิดขึ้นจากการซื้อ MAKRO ที่เราคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในปี 2557 โดยที่เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 ไว้ที่ 1.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% YoY
  • BJCHI(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 44 บาท เบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q56 จะเติบโตโดดเด่น +61% yoy และทรงตัว qoq เป็น 380 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้งานโครงการ APLNG เฟส 1 อย่างต่อเนื่อง หากกำไรออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2556 ขยายตัว +70% yoy เป็น 1,332 ล้านบาท และราคาหุ้นมี Catalyst รออยู่ในปี 2557 จากการเข้าประมูลงานในต่างประเทศ โดยมีโอกาสสูงที่จะชนะงานเพิ่มเติมใน 1Q57 รวมทั้งได้งานเฟสต่อเนื่องราว 1.8 พันล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี รวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก
  • GFPT, CPF(ทรีนีตี้)เฮงรับตรุษจีน ราคาไก่-หมู ขึ้น โดยคาดราคาหมู-ไก่ที่ปรับตัวขึ้น หนุนผลประกอบการ 1Q57 ขณะที่เงินบาทยังอ่อน หนุนรายได้ส่งออกปีนี้ (CPF แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 33 บาท)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ