ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่น คาดว่าทรงตัว และธุรกิจอะโรเมติกส์ คาดแนวโน้มราคาอ่อนตัวจากซัพพลายใหม่ แต่ยังมีธุรกิจโอเลฟินส์ช่วยชดเชย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้นฉ) กรุงศรี ซื้อ 98.50 เอเชียพลัส ซื้อ 91.78 เคเคเทรด ซื้อ 90.00 เมย์แบงก์กิมเอ็ง ซื้อ 87.00 ทิสโก้ ถือ 84.00น.ส.นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส คาดในปี 57 PTTGC จะมีกำไรสุทธิเติบโต 12% เป็น 3.7 หมื่นล้านบาท จากปี 56 ที่คาดมีกำไรสุทธิ 3.3 หมื่นล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากกำลังการผลิตกลับมาเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่โรงงานผลิต LDPE หยุดเดินเครื่อง 1 ไตรมาส และกำลังการผลิตอะโรเมติกส์น้อยลงจากโรงแยกก๊าซ 5 ของปตท.(PTT)ปิดและเพิ่งเริ่มกลับมาเดินเครื่องได้ 50% ในปลายปี 56
ประกอบกับ ธุรกิจโอเลฟินส์ที่มีสัดส่วนรายได้ 50% จะเข้ามาหนุนผลประกอบการให้ดีขึ้นจากที่กำลังการผลิตเพิ่มเข้ามา และสเปรดเป็นขาขึ้น โดยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 500-550 เหรียญ/ตัน ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ ที่มีสัดส่วน 25% ราคาปีนี้จะอ่อนต้วลงบ้าง และธุรกิจโรงกลั่น ซึ่งมีสัดส่วน 25% ในปีนี้ค่าการกลั่นน่าจะทรงตัวจากปีก่อน
"แนะนำซื้อ PTTGC เป็นหุ้น TOP Pick โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ให้ Fair Value ที่ 91.78 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% " น.ส.นลินรัตน์ กล่าวนายชาญวุทธ เตชะอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี คาดในปี 57 PTTGC จะมีกำไรสุทธิเติบโต 9% จากปี 56 ที่คาดไว้ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างราคาของโอเลฟินส์ในปีนี้ยังคงแข็งแกร่ง จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และแม้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวไปบ้างแต่ก็ยังมีการเติบโต
อีกทั้งกำลังการผลิตที่หายไปตั้งแต่ไตรมาส 3/56 ทั้งโรงงาน LDPE และการหยุดเดินเครื่องของโรงแยกก๊าซ 5 ของปตท. ที่จะทยอยกลับมาผลิตได้เต็มที่ในไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ปี 57
ส่วนอะโรเมติกส์ ได้แก่ พาราไซลีน ที่มีแนวโน้มราคาอ่อนตัวลง และเบนซีน คาดว่าราคาทรงตัว ขณะที่โรงกลั่นในปีนี้เติบโตไม่มาก จากที่จีนและอินเดียมีกำลังการกลั่นเพิ่มเข้ามาอีกรวม 1 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ก็ถูกชดเชยจากการปิดโรงกลั่นในญี่ป่นที่มีกำลังการกลั่นราว 3-4 แสนบาร์เรล/วัน และโรงกลั่นในออสเตรเลียที่ปิดตัวไปบางแห่งเช่นกัน ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTTGC เพราะได้เปรียบกับบริษัทอื่นในกลุ่มเดียวกันที่มีธุรกิจโอเลฟินส์เข้ามาช่วยพยุง ต่างจาก BCP, IRPC, TOP ที่มีธุรกิจโรงกลั่น และ อะโรเมติกส์
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคเคเทรด กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจ PTTGC ในปี 57 คาดว่ากำไรจะทรงตัวจากปีก่อนมาที่ 3.3 หมื่นล้านบาท โดยจะมีรายการพิเศษประมาณ 700 ล้านบาทจากกำไรสต๊อกจะมีไม่มาก ราคาน้ำมันน่าจะทรงตัวที่ระดับ 105 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 700 ล้านบาทจากเงินบาทอ่อนค่า อนึ่ง คำนวณจากค่าเงินบาท 32.1 บาท/เหรียญ
ทั้งนี้ จากภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีไม่ดีและมีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด(over supply)โดยธุรกิจโรงกลั่นมี supply ใหม่เข้ามา 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ demand เติบโต 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ HDPE ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในกลุ่มโอเลฟินส์ที่มี supplyg เติบโต 5-6% demandโต 3-4%
ค่าการกลั่นในปี 57 คาดว่าจะอยู่ระดับ 3.3 เหรียญ/บาร์เรล จากปีก่อนมีค่าการกลั่น 3.7 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนราคา HDPE คาดว่าทรงตัวที่ระดับ 1,450 เหรียญ/บาร์เรล และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด)ก็ทรงตัว
แม้ว่าภาพรวมปิโตรเคมีและโรงกลั่นจะไม่ดี แต่ธุรกิจอะโรเมติกส์และโรงกลั่นมีสัดส่วน 20% ของ EBITDA ขณะที่สัดส่วน 70% ของ EBITDA เป็นโอเลฟินส์ ซึ่งมีแนวโน้มราคาดีกว่าอะโรเมติกส์ อีกทั้งกำลังการผลิตของ PTTGC ก็กลับมาเดินเต็มกำลังช่วยชดเชย ทำให้ธุรกิจของ PTTGC ปีนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ
นายเบญจพล กล่าวแนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTTGC เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกัน มองว่า PTTGC โดดเด่นที่สุด และในข่วงที่ตลาดปรับตัวลงก็เป็นจังหวะให้เข้าลงทุนได้