นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก บลจ.กสิกรไทยยังเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีเอ็น (KPPTF3MDN) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.25% ต่อปี
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน (KEFF6ML จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Garanti Bank, ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A, BBB และ BBB- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในตั๋วแลกเงิน บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+ และลงทุนในตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB-
ด้านกองทุนเปิด KEFF1YE จะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า และตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Bank of East Asia, ประเทศฮ่องกง ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก S&P ที่ระดับ A โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ทั้งนี้กองทุน KEFF6ML และกองทุน KEFF1YE นับว่าเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการฝากประจำกับธนาคารพาณิชย์ บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิด KFI3MEA โดยตราสารที่จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วย เงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+ และ AA- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นอกจากนี้เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิด KPPTF3MDN โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.25% ต่อปี
สำหรับกองทุน KFI3MEA และกองทุน KPPTF3MDN ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท