(เพิ่มเติม) KKP ตั้งเป้าปี 57 สินเชื่อโตต่ำกว่า 10%ห่วงการเมืองไม่นิ่งดัน NPL เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 18, 2014 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร(KKP) ตั้งเป้าเบื้องต้นในปี 57 สินเชื่อจะขยายตัวต่ำกว่า 10% ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยจะเติบโตราว 2.8% และจะต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ซึ่งหากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เป็นไปตามคาดธนาคารก็อาจจะมีการพิจารณาปรับเป้าหมายอีกครั้ง ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากในเดือน ม.ค.57 สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นมาราว 0.5% จาก ณ สิ้นปี 56 อยู่ที่ 3.5%

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ KKP เปิดเผยว่า ในปี 57 จะมุ่งเน้นการทำงานใน 4 ส่วน ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้หลากหลาย เช่น ปลายปี 2556 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อแจ่มแจ๋วตามฤดูกาล" (เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ยืดหยุ่นการชำระค่างวด) ภายใต้เงื่อนไขการชำระค่างวดที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งตรงกับฐานลูกค้าต่างจังหวัด โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเกษตรกรที่สามารถเลือกรูปแบบการแบ่งจ่ายค่างวดให้ตรงตามฤดูการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทยอยเปิดตัวสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มต่อไป

ถัดมาคือเรื่องช่องทางหรือสาขา ที่จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสาขาให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและการให้บริการของธนาคารมากขึ้น ซึ่งปี 57 มีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง (ปัจจุบันธนาคารมีสาขารวมสำนักงานใหญ่ 87 แห่ง) ส่วนที่สามคือเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจ ที่จะมาเสริมในเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารไม่ได้ให้บริการตลอดจนการเป็นช่องทางการให้บริการซึ่งหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป และสุดท้ายคือการพัฒนาธุรกิจใหม่ภายใต้สายงานที่ได้จัดตั้งเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาได้แก่ สายตลาดการเงิน สินเชื่อบรรษัท และสินเชื่อลูกค้าประกอบการ

โดยเฉพาะในส่วนของสายสินเชื่อบรรษัทที่คาดว่าจะมีลูกค้าที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นดีลแรกในไตรมาส 1/57 ในส่วนของการเติบโตของสินเชื่อรวมของธนาคารเดิมได้ตั้งเป้าอยู่ที่ 21% ภายใต้สมมติฐานว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี) ของประเทศไทยในปี 57 จะอยู่ที่ 4.3%(ก่อนที่จะปรับลดลงเป็น 2.8%) โดยสินเชื่อรายย่อยวางแผนว่าจะเติบโตได้ในอัตราที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าสินเชื่อรถเพื่อเงินสด ส่วนสินเชื่อธุรกิจ ในส่วนของสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เน้นการปล่อยกู้ลูกค้าเดิม และโครงการแนวราบ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดผลกระทบกับเป้าหมายดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซึ่งธนาคารจะต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับเป้าหมายทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนภัทร (PATRA) และบล.ภัทร เปิดเผยว่า ในปี 57 บริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาบริการเพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารและตลาดทุน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าในกลุ่มการเงิน เช่น ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Private Wealth Management) จะสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้าเงินฝากของธนาคารเกียรตินาคิน โดยในช่วงปลายปี 56 ภัทรได้เริ่มให้บริการ Phatra Edge ซึ่งเป็นบริการวางแผนการเงินที่อาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญของทีมงานภัทรให้บริการแก่ลูกค้าของธนาคารที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 2-30 ล้านบาท นอกจากนี้ธุรกิจวานิชธนกิจจะทำงานร่วมกับสินเชื่อบรรษัทของธนาคารในการสนับสนุนทางด้านเงินกู้ให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นต้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 56 เทียบกับปี 55 กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร มีกำไรสุทธิรวม 4,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.3% ในจำนวนนี้ เป็นกำไรสุทธิของ บมจ.ทุนภัทรและบล.ภัทรจำนวน 1,800 ล้านบาท ในส่วนของรายได้รวมอยู่ที่ 15,346 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ 8,347 ล้านบาทหรือคิดเป็น 54% ของรายได้รวม ที่เหลือคือรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ จำนวน 6,999 ล้านบาท (46%) ซึ่งมาจากทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจตลาดทุน

ส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อมีการขยายตัวต่อเนื่อง มียอดสินเชื่อรวมของปี 56 อยู่ที่ 190,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% โดยพอร์ตสินเชื่อรวมประกอบด้วยสินเชื่อรายย่อย 73.2% สินเชื่อธุรกิจ 25.9% ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 15% และสินเชื่อเอสเอ็มอี 11% สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 213,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากสิ้นปี 2555 ในส่วนของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) อยู่ที่ 4% ทั้งนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญในการควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ โดยมีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 3.8% และมีอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ 100% สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.66% (เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 จำนวน 13.10%)

สำหรับธุรกิจตลาดทุน ประกอบไปด้วย ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวานิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุน และธุรกิจจัดการกองทุน ในส่วนของธุรกิจวานิชธนกิจ บล.ภัทร ได้ทำธุรกรรมด้านวานิชธนกิจใหญ่ๆ หลายรายการ เช่น การเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) และหุ้นเพิ่มทุนบมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป(M) แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก โดย บล.เคเคเทรด ได้เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ บล.ภัทร ยังเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ The Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. ในการทำคำเสนอขายซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในส่วนของธุรกิจการลงทุน แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วน คือ ธุรกิจค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Equity and Derivative Trading) การลงทุน (Direct Investment) และเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) โดยผลประกอบการโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ และในส่วนของธุรกิจจัดการกองทุน ภายใต้ บลจ.ภัทร มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการ 24,725 ล้านบาท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ