นอกจากนี้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีพี (KPPTF3MDP) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.25% ต่อปี
นางสาวยุพาวดี กล่าวถึงมุมมองเศรษฐกิจในภาวะปัจจุบันว่า ล่าสุดจากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/56 สามารถขยายตัวอยู่ในระดับ 0.60% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ในปี 56 ตลอดทั้งปี เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ 2.9% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย ซึ่งสถาบันจัดอันดับ Moody’s ยังคงให้มุมมองความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ระดับเดิมที่ Baa1 พร้อมมีแนวโน้มอยู่ในระดับคงที่ โดยให้เหตุผลถึงโครงสร้างด้านภาระหนี้ของภาครัฐที่ยังเหมาะสม การดำเนินนโยบายทางการเงินและเศรษฐกิจมหภาคที่มีความรอบคอบ รวมถึงหนี้สินต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย ประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในปี 57 นี้ โดยคาดว่าจากการประชุมกนง.ในครั้งต่อไป วันที่ 12 มี.ค. ที่จะถึงนี้ มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.00% ต่อปี อันเนื่องมาจากปัจจัยสำคัญคือผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งนี้หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงได้เร็ว เศรษฐกิจไทยอาจเริ่มฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ในปี 57 ตลอดทั้งปี เศรษฐกิจไทยอาจจะเติบโตได้อยู่ที่ระดับประมาณ 3%
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFF1YG จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ China Construction Bank Corporation เงินฝากของ Bank of China รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ Bank of East Asia, ประเทศฮ่องกง ตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศ บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอเอ็กซ์ (KFF6MAX) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation เงินฝากของ Bank of China และตราสารหนี้ Bank of East Asia, ประเทศฮ่องกง ด้วยเช่นเดียวกัน และมีการลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นอกจากนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีพี (KPPTF3MDP) เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.25% ต่อปี ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFF6MAX และกองทุน KPPTF3MDP ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท