(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นหลังการเมืองนิ่ง-ม็อบชาวนาเบาลง-ตลาดตปท.รีบาวด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 5, 2014 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นก่อน โดยคงจะมาทดสอบแนว 1,350 จุด ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะผ่านไปได้ในแบบไหน หากผ่านไปด้วยวอลุ่มเทรดหนาแน่นก็ถือว่าใช้ได้ เนื่องจากกระแสในเวลานี้ในช่วงสั้นเรื่องการเมืองเริ่มนิ่ง และม็อบชาวนาก็เบาลง เชื่อว่ารัฐบาลคงจะมีเงินจ่ายให้ชาวนาได้บ้าง

ส่วนตลาดต่างประเทศก็มีการรีบาวด์ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้รีบาวด์ขึ้นมา เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น ภายหลังจากรัสเซียไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างแข็งกร้าวและมีการถอยออกมาบ้าง ทำให้สถานการณ์ในยูเครนผ่อนคลายลง

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2 วันติดต่อกัน แต่ตลาดฯจะเข้าสู่การฟื้นตัวหรือไม่นั้นยังบอกไม่ได้ ต้องขึ้นกับเงื่อนไขหลายอย่าง

พร้อมให้แนวรับ 1,333 จุด แนวต้าน 1,350-1,374 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(4 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,395.88 จุด เพิ่มขึ้น 227.85 จุด (+1.41%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,873.91 จุด เพิ่มขึ้น 28.18 จุด (+1.53%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,351.97 จุด เพิ่มขึ้น 74.67 จุด(+1.75%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 184.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 67.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 19.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.44 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.99 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 6.00 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.82 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(4 มี.ค.)ที่ 1,345.82 จุด เพิ่มขึ้น 6.61 จุด(+0.49%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,331.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 มี.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(4 มี.ค.)ที่ 103.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.59 ดอลลาร์หรือ 1.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(4 มี.ค.)ที่ 5.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.34/35 หลังคลายกังวลสถานการณ์ในยูเครน
  • คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) อนุมัติตามคำขอของรัฐบาลในการใช้งบกลางปี 2557 จำนวน 2 หมื่นล้านบาทมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2556/2557 ที่รัฐบาลค้างจ่ายเงินชาวนาอยู่ 1.3 แสนล้านบาท
  • ตลาดหลักทรัพย์ทำกำไรปี 2556 กว่า 1.6 พันล้าน เพิ่มขึ้น 21.6% อานิสงส์วอลุ่มการ ซื้อขายเพิ่มเป็น 5 หมื่นล้าน ดันรายได้แทบ ทุกส่วนเพิ่มขึ้น ยกเว้นรายได้จากเงินลงทุน ลดลง 16% เหตุปรับพอร์ตลงทุน ลดการลงทุนในตราสารหนี้ หันเพิ่มการลงทุนในหุ้นเท่าตัว ด้าน 244 บริษัททำกำไรรวมเฉียด 6 แสนล้านบาท โบรกมองคาดลดเป้าปีนี้ลงเหลือ 10%
  • อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของกรมศุลกากรได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้การเก็บภาษีของปีงบประมาณ 2557 ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 20% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือน 24 บจ. เร่งแก้ไขเหตุเพิกถอนปรับปรุงแก้ไขฐานะการเงินก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ และในนั้นล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง ทั้ง "ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น-ซาฟารีเวิลด์-ไอทีวี-ทีทีแอนด์ที-แมงป่อง 1989" เป็นต้น หากไม่ทันกำหนดดำเนินการตามกฎตลาดทันที
  • ทอท.เผยผู้โดยสารสุวรรณภูมิ ช่วง ม.ค.-ก.พ.ต่ำกว่าประมาณการถึง 9% เหตุนักท่องเที่ยวเลี่ยงชุมนุมทางการเมืองแห่ไปเที่ยวต่างจังหวัดแทน ดันให้ผู้โดยสารที่สนามบินเชียงใหม่และเชียงรายเพิ่มเป็นเท่าตัวช่วยประคองภาพรวมไม่ทรุดมากนัก "ศิธา" ยังมั่นใจกำไร ปี 57 ยังไม่หลุดเป้า 1.1 หมื่นล.
  • หอการค้าชี้พิษเศรษฐกิจชะลอ-การเมืองยืดเยื้อกระทบแรงงาน เตือนเด็กจบใหม่ปีนี้ครึ่งหนึ่ง ส่อแววหางานไม่ได้ หรือมีถึง 1-2 แสนคน เผยผลสำรวจธุรกิจประคองตัว เลี่ยงผลกระทบด้วยการลดต้นทุนแรงงาน มีการเลิกจ้างลูกจ้างชั่วคราวถึง 31%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 7.10 บาท มองการปรับตัวลงมาของราคาหุ้นตอบสนองการชะลอตัวของ GDP Growth ใน 1Q57 จะติดลบ 0.2% YoY และปรับประมาณการกำไรปกติของบริษัทในปี 57 ลง 19% และปี 58 ลง 27% ไปแล้ว อย่างไรก็ดีประเมินว่ากำไรปกติจะยังคงขยายตัวเฉลี่ย 9% ได้ ขณะที่กำไรสุทธิอาจสูงกว่านั้นหากรวมเงินปันผลจากการร่วมลงทุนในเวียดนามเข้ามาด้วย ราคาหุ้นยังไม่แพงโดยที่ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 19.2 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 28.1 เท่าของกลุ่มค้าปลีก
  • SRICHA(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 47 บาท จุดเด่นอยู่ที่การมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงราว 50% และการเน้นเลือกรับงานที่มีความชำนาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าโรงงานปิโตรเคมี ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นสูง ขณะที่บริษัทมีประวัติการรับงานเป็นที่ยอมรับ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับงานต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดิม เช่น TOP และ จากประเทศเกาหลี(Hyundai และ Samsung)โดยปัจจุบันมีอยู่ระหว่างการเข้าประมูล 5 โครงการราว 3 พันล้านบาท ล่าสุดประกาศจ่ายปันผลงวด 2H56 ในอัตราหุ้นละ 1.55 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 4.1% (XD วันที่ 29 เม.ย.2557)
  • NOK(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 24 บาท ราคาหุ้นยังรีบาวน์น้อยกว่าหุ้นในกลุ่มสายการบิน และโรงแรม โดย 2 วันที่ผ่านมาหุ้น 2 กลุ่มดังกล่าวฟื้นตัวโดดเด่นหลังกลุ่มกปปส.ประกาศยุบรวม 4 เวทีชุมนุม และย้ายไปปักหลักที่สวนลุมพินี ดังนั้นจึงมี Valuation ที่น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2557 เพียง 9.6 เท่า ต่ำกว่า AAV ที่ 14.8 เท่า และ THAI ที่ขาดทุน และเป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มที่มีเงินปันผล เทียบกับ THAI และ AAV ที่คาดว่าจะไม่จ่ายเงินปันผลในปี 2557 โดยจะขึ้น XD เงินปันผล 2H56 หุ้นละ 0.49 บาท ในวันที่ 12 มี.ค. และหุ้นละ 1.07 บาท ในปี 2557
  • BCP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 36 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q57 โตโดดเด่น qoq จากได้ประโยชน์โดยตรงการเร่งตัวขึ้นของค่าการกลั่นถึง +51.5% QTD เป็น US$6.5/barrel และยอดขายในประเทศที่มีกำไรสูงกว่าส่งออกจะมีสัดส่วนมากขึ้นใน 1Q57 เนื่องจาก 2 โรงกลั่นหยุดซ่อมบำรุง และผลประกอบการคาดว่าจะขยับขึ้น qoq ต่อเนื่องใน 2Q57 มีโอกาสได้รับเงินชดเชยจากประกันความเสียหายไฟไหม้หอการกลั่นราว 500 ล้านบาท ใน 2Q57 และที่เหลืออีก 150 ล้านบาทใน 2H57 และจะเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 3 ส่วนธุรกิจโซลาร์ฟาร์มจะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ