ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 11.90 จุด เช่นเดียวกับภูมิภาค คาดเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 13, 2014 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,368.32 จุด เพิ่มขึ้น 11.90 จุด(+0.88%) มูลค่าการซื้อขาย 16,573.92 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,369.83 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,361.24 จุด

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าที่คาดไว้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก แม้จะมีปัจจัยลบทางจิตวิทยาจากสถานการณ์ในยูเครน แต่มองว่าจะกระทบหุ้นในยุโรปมากกว่า

ทั้งนี้ การที่ตลาดฯปรับตัวขึ้นได้ คาดว่าจะเป็นผลจากเงินทุนไหลกลับเข้ามาที่ตลาดเกิดใหม่(Emerging Market)โดยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีเงินทุนไหลเข้ามาที่ตลาดเกิดใหม่ และตลาดในเอเชีย โดยสังเกตุได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯได้ปรับตัวขึ้น และค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ซึ่งอาจเป็นผลจากที่มูลค่าหุ้นในตลาดเกิดใหม่ถูกกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว และคนคงจะเห็นสัญญาณว่าสหรัฐฯอาจจะไม่รีบลดการใช้มาตรการ QE ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ เพื่อให้ตลาดฯมีการฟื้นตัว จึงน่าจะคงใช้ QE ที่ 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯอยู่ หลังจากที่ได้ลดไปแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้นเม็ดเงินจึงได้ไหลกลับเข้ามาที่ตลาดเกิดใหม่

นอกจากนี้ มีบางประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่ได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว ดังนั้นที่สุดแล้วก็อาจจะมีภูมิคุ้มกันไม่ให้ลงไปลึกอีก อย่างตลาดจีนตอนนี้เทรด P/E ลงมาเหลือแค่ 7 เท่า ซึ่งถูกมาก แต่การจะทำให้ลงหนักอีกคงจะเป็นไปได้ยาก

สำหรับปัจจัยการเมืองในประเทศมีผลต่อตลาดฯค่อนข้างน้อย เนื่องจากตลาดฯได้รับรู้ข่าวไปมากแล้ว และจากนี้ไปถ้าไม่มีอะไรที่รุนแรง เชื่อว่าตลาดฯก็ไม่กลัว ซึ่งทุกคนก็มองว่ายากที่จะเกิดความรุนแรง อย่างไรก็ดีคงจะต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศต่อไป

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกิจพล กล่าวว่า ตลาดฯอาจจะลดช่วงบวกลง เพราะปกติในเดือนมีนาคมมักจะมีแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากที่หมดช่วงฤดูการประกาศผลประกอบการและปันผลแล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,368-1,375 จุด

ทั้งนี้ ได้แนะนำให้เลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัว โดยให้เลือกหุ้นที่ยังไม่ค่อยปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว อย่างหุ้นในกลุ่มส่งออก ส่วนกลุ่มอาหารที่หลายตัวปีนี้จะ Turnaround และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เป็นต้น

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,257.96 ล้านบาท ปิดที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 965.96 ล้านบาท ปิดที่ 196.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 748.83 ล้านบาท ปิดที่ 178.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

          TRUE     มูลค่าการซื้อขาย   664.45 ล้านบาท ปิดที่    7.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 601.43 ล้านบาท ปิดที่ 215.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ