PCSGH ปิดเทรดวันแรกที่ 8.75 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 1.74%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 14, 2014 16:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น PCSGH ปิดเทรดวันแรกที่ 8.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท(+1.74%)ราคาขาย IPO ที่ 8.60 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,943.41 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 9.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.65 บาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น บมจ.พี.ซี.เอส. แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง(PCSGH) โดยวิธี PER ได้ 11.00 บาท ให้ PER 12.5 เท่า ซึ่งเป็นค่า Avg PER-0.5SD ของอุตสาหกรรม จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังทรงตัว โดยคาดผลประกอบการปี 57 รายได้อยู่ที่ 5,081 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 1,368 ล้านบาท หรือ 0.89 บาทต่อหุ้น (Fully Diluted)

PCSGH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น(Holding Company)ที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทที่ใช้ความแม่นยำสูง(Machining Products)ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบรถยนต์รายใหญ่ในประเทศ แนวโน้มอุตสาหกรรมยังคงทรงตัว และบริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรดีเยี่ยม ประกอบกับฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการปี 57 ยังไม่โดดเด่นหลังจากหมดนโยบายรถคันแรก ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้อาจจะไม่ขยายตัวมากนัก จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยอดตัวเลขการผลิตรถในปี 56 อยู่ที่ 2.45 ล้านคัน ซึ่งโตขึ้น ร้อยละ 0.14 จากปี 55 ส่งผลให้ผลประกอบการปี 56 ลดลงจากปีก่อน โดยรายได้อยู่ที่ 5,124 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 30 จาก ร้อยละ 35 ในปี 55 เนื่องจากมีค่าเสื่อมราคาจากเครื่องจักรที่นำเข้ามาเพื่อการผลิตชิ้นส่วนที่คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 58 ทำให้กำไรสุทธิสำหรับปี 56 อยู่ที่ 1,377 ล้านบาท

ในส่วนของรายได้ปี 57 คาดไว้จะอยู่ที่ 5,081 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 1 เนื่องจากบริษัทได้มีการตัดยอดขายในส่วนที่ไม่ใช่ยานยนต์ออกไป จะเน้นเฉพาะชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีความถนัด โดยในปี 55 สัดส่วนยอดขายที่ไม่ใช่ชิ้นส่วนยานยนต์ประมาณ 6% ของยอดขายรวม และยอดการผลิตลดลงบางส่วนจากยอด Order พิเศษที่ได้รับจากผู้ผลิตรถยนต์ในช่วงที่ผู้ผลิตบางรายโดนน้ำท่วมเมื่อปี 54 ได้ลดลงหลังจากผู้ผลิตดังกล่าวเริ่มกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ทำให้กำไรสุทธิลดลงมาเหลือ 1,368 ล้านบาท

และคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตเล็กน้อยจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังชะลอตัว แต่ส่งออกน่าจะเริ่มฟื้นตัวทำให้โดยภาพรวมแล้วจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 5-10 สำหรับปี 57 ในส่วนของปี 58 คาดอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมจะกลับมาเติบโตได้ปกติร้อยละ 10-15 ทั้งจากยอดขายในประเทศและยอดส่งออก จากสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น


แท็ก ทรีนีตี้  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ