กองทุน KEFF3MJ จะลงทุนในธนาคารจีนผ่านเงินฝากและตราสารหนี้ของสาขาธนาคารจีน ได้แก่ สาขามาเก๊าและฮ่องกง โดยเป็นการลงทุนในสกุลเงิน CNH หรือเงินหยวนที่ซื้อขายนอกประเทศจีน อย่างไรก็ตามการลงทุนดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อกองทุน เนื่องจากกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อย่างไรก็ตามค่าเงินที่ผันผวนในแต่ละสัปดาห์ อาจจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ สำหรับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่จะเสนอขายในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งผลตอบแทนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาด ผู้ลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFF3MJ จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี ตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล และยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศ
บลจ.กสิกรไทย ยังแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีบี (KFF6MBB) ซึ่งเบื้องต้นจะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ Bank of East Asia ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ด้านสถานการณ์การลงทุน จากกรณีธนาคารกลางจีนได้ประกาศขยายกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินหยวนเป็น 2% ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นกลไกหนึ่งตามนโยบายของแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลจีนได้ประกาศใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสร้างระบบการเงินและการเคลื่อนไหวของเงินทุนให้เป็นไปอย่างเสรีมากขึ้น การปรับกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินในครั้งนี้เป็นการปรับอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากเดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 1% และก่อนหน้านั้นกรอบการเคลื่อนไหวของเงินหยวนได้ถูกปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2555 จากเดิมที่ระดับ 0.5% ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าอาจจะกระทบต่อการอ่อนค่าของเงินหยวนอย่างหนัก
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนได้ให้ความเชื่อมั่นว่า การปรับกรอบค่าเงินดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการส่งออกและดุลการค้าระหว่างประเทศ และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ด้าน Bank of America Merrill Lynch ได้ให้มุมมองเสริมถึงผลกระทบที่อาจส่งผลต่อกระแสเงินทุนไหลออก ว่ามีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากจีนมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลก รวมถึงอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมายของสถาบันการเงินที่ระดับ 20% ดังนั้นหากเกิดสภาวะการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทางการจีนสามารถอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านการลดปริมาณเงินสดสำรองและการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้