ตลท.คงเป้ามาร์เก็ตแคปปีนี้ 2.1 แสนลบ. เดินสายโรดโชว์บจ.ชูกลุ่มส่งออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 8, 2014 18:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเป้าเหมายมาร์เก็ตแคปปีนี้ไว้ที่ 2.1 แสนล้านบาท โดยจากนี้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. จะมีจำนวน IPO ที่จองวันเข้าซื้อขายเป็นครั้งแรกไว้แล้ว 15 บริษัท แบ่งออกเป็น เข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) 6 บริษัท ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) 5 บริษัท และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 4 กอง ขณะที่ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีบริษัทเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วคือ SET 3 บริษัท mai 2 บริษัท รวมทั้ง กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กอง
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์จะร่วมกับบริษัทจดทะเบียนเพื่อเดินทางออกไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนในต่างชาติ โดยจะใช้ประเด็นการส่งออกเป็นจุดเด่นในการออกไปนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนของไทยที่มีรายได้จากการส่งออกมีสัดส่วนถึง 40% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด
โดยจะเริ่มจากออกนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนต่างชาติในเดือน พ.ค. 57 จะเริ่มจาก ฮ่องกง และสิงคโปร์ ต่อมาคือญี่ปุ่น และสุดท้ายคือ สหรัฐฯ และยุโรป
"ปีนี้รายได้ของบริษัทที่มีรายได้จากการส่งออกเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นบริษัทที่มีการเติบโตค่อนข้างดีจากประเทศหลักต่างๆ ที่มีการกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งมีสัดส่วนถึง 40% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เราก็จะใช้จุดนี้ที่เป็นตัวชูในการเดินสาย โรดโชว์ครั้งนี้" นายภากร กล่าว
สำหรับ ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันนั้นยังถือว่ามีความน่าสนใจ เนื่องจากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค P/E ของไทยอยู่ที่ 13 เท่า ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยในปีนี้เชื่อว่าการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนนั้นจะได้รับผลดีจากการส่งออกที่คาดว่าปีนี้หน้าจะปรับตัวดีขึ้น
นายภากร คาดว่าการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 8-9% จากปีที่ผ่านๆมามีการเติบโตถึง 15-16% โดยการเติบโตที่ระดับนี้แสดงถึงการเติบโตที่มาจากพื้นฐานของบริษัทที่แท้จริง เนื่องจากในปีนี้ไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆจากภาครัฐออกมา รวมถึงการลดภาษีนิติบุคคลที่จะหมดอายุ

ส่วนปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท/วัน โดยเป็นการลดลงจากนักลงทุนรายย่อยเป็นหลักที่มีการลดลงถึง 50% จากปีก่อน ส่วนนักลงทุนต่างชาตินั้นลดลงเพียง 10-20% ยังถือว่าไม่มาก ขณะที่นักลงทุนสถาบันนั้นยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง "ปีนี้ปริมาณการซื้อขายลดลงจากรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเทียบกับต่างชาติที่มีปริมาณการซื้อขายลดลงเพียงเล็กน้อย และจะเห็นได้ว่าสถาบันเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง และ AUM ของสถาบันก็เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" ดร.ภากร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ