(เพิ่มเติม) TAE เล็งเสนอขาย IPO 296 ล้านหุ้นพร้อมเข้าเทรดใน Q2/57

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 9, 2014 11:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่(TAE) พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) หมวดพลังงาน โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนและหุ้นในมือผู้ถือหุ้นเดิมรวมประมาณ 296 ล้านหุ้น รวมทั้งนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด SET ในช่วงไตรมาส 2/57

นายสมชาย โล่ห์วิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAE เปิดเผยว่า บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 75.75 มีนโยบายในการนำ TAE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Spin-Off) เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของ TAE ในอนาคต โดยแต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของบริษัทเมื่อวันที่ 21 มี.ค.57

TAE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิต 365,000 ลิตรต่อวัน ถือเป็นผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ บริษัทฯ ถือเป็นผู้เผลิตและจำหน่ายเอทานอลเพื่อการพาณิชย์เป็นรายแรกของประเทศ ประกอบกับเอทานอลที่บริษัทฯผลิตได้มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.8% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยกรมธุรกิจพลังงาน ทำให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศไม่ว่าจะเป็น PTT, BCP, ESSO, TOP

ในปี 56 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,659.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีรายได้จากการขาย 1,349.86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 22.91 โดยมีกำไรสุทธิ 165.50 ล้านบาทในปี 55 และ 117.68 ล้านบาทในปี 56

สำหรับเงินที่ระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพขนาด 3 เมกะวัตต์ สำหรับใช้ในโรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทฯ ซึ่งแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสที่ 1 ก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพขนาด 1 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ภายในปี 57 นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินส่วนที่เหลือไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนด้วย โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินของบริษัท

ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน TAE เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดย สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งไฟลิ่งของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในไตรมาส 2/57

“TAE มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนใน SET ในหมวด พลังงาน ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพและมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงอันดับต้นๆ ของประเทศ และมีลูกค้าเป็นผู้ค้านำมันรายใหญ่ของประเทศ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการขายของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 29.71 ต่อปี เมื่อผนวกกับศักยภาพการเติบโตของรายได้ในอนาคตจากมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ของภาครัฐตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (55-64) (AEDP) ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีเป้าหมายการผลิตเอทานอล 9 ล้านลิตรต่อวันในปี 64 จะช่วยส่งผลให้ผลยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างมั่นคง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในด้านการประหยัดต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการนำนำเสียจากกระบวนการผลิตมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต รวมทั้งโครงการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนไฟฟ้าให้แก่บริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ"

TAE จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200,000,000 หุ้น รวมกับหุ้นสามัญเดิมที่ LANNA ถืออยู่จำนวน 96,037,733 หุ้น รวมเป็นจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ทั้งสิ้น 296,037,733 หุ้น แบ่งเป็นการให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นของ LANNA ตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวนไม่เกิน 105,037,733 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ และการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนจำนวน 191,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 19.10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้

ปัจจุบัน TAE มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 800 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 800 ล้านหุ้น โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ ประกอบด้วย LANNA ถือหุ้นร้อยละ 75.75 กลุ่มลิ้มวัฒนะกูร ถือหุ้นร้อยละ 4.56 และกลุ่มจตุรพฤกษ์ ถือหุ้นร้อยละ 4.69 โดยภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ LANNA ลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 51 กลุ่มลิ้มวัฒนะกูร ลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 3.64 และกลุ่มจตุรพฤกษ์ ลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือร้อยละ 3.75 ที่เหลือเป็นประชาชนทั่วไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ