ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากธุรกิจพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านซอฟต์แวร์และให้บริการด้าน IT ครบวงจร 60% และธุรกิจทีวีดิจิตอล 40% ซึ่งในส่วนของธุรกิจ IT ที่อยู่ภายใต้บริษัทย่อย คอื บริษัท ซิงค์ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท เอ็นไวรอนเมนทอล โซลูชั่น อินทิเกรเตอร์ จำกัด(ESI) ได้ปรับลดสัดส่วนรายได้ของภาครัฐลงเหลือ 60% จากเดิม 70-75% โดยเข้าไปเสนอราคางานภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป
"ปัญหาการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐมีความล่าช้า และเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงหันมารับงานประเภทด้านการศึกษาและนิคมอุตสาหกรรม โดยเน้นงานบริหารจัดการและดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงขายเครื่องมือวิทยาศาสตร์และอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เช่น เข้าไปวางโครงข่าย Network ,การตรวจวัดคุณภาพอากาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, การตรวจมลพิษของกรมขนส่งทางบก"นายอารักษ์ กล่าวขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(Backlog)แล้วราว 140-150 ล้านบาท เป็นการทยอยรับรู้รายได้จากงานเก่าตั้งแต่ปี 56 ส่วนไตรมาส 1/57 บริษัทได้เข้าไปประมูลงานใหม่เพิ่มเติมและมีการเซ็นสัญญางานไปบางส่วนแล้วราว 80-100 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะสามารถประมูลงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาได้อีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 60-70% และที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป
สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทฯวางไว้ 4-5 ล้านบาท จะใช้ในการลงทุนห้องปฎิบัติการ (Lad) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ วิทยาศาสตร์ ของ ESI และลงทุนราว 150 ล้านบาทในธุรกิจ Media ของบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น โดยมองแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจทีวีดิจิตอลว่าเป็นปีที่ดี ซึ่งบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าโฆษณาเข้ามาเพิ่มขึ้นในแพล็ตฟอร์มของทีวีดิจิตอล และคาดว่าไตรมาส 2 นี้จะมีรายได้มากกว่าไตรมาสแรกเกือบเท่าตัว โดยคาดว่าสปริงนิวส์จะสามารถทำกำไรได้ในปี 58