ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 23.59 จุด ตลาดแย่สุดเทียบกับ ตปท.สะท้อนปัจจัยการเมืองในประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 8, 2014 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,379.02 จุด ลดลง 23.59 จุด(-1.68%) มูลค่าการซื้อขาย 39,734.07 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,401.13 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,377.51 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 162 หลักทรัพย์ ลดลง 675 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 103 หลักทรัพย์

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แย่สุดเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสะท้อนปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างอยู่ในแดนบวกกัน ตามดาวโจนส์ที่ดีดตัวเมื่อคืนนี้ภายหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ยังคงนโยบายผ่อนคลายการเงินด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้ นอกจากนี้สถานการณ์ในยูเครนก็คลายตัวลงเมื่อประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน สั่งถอนทหารออกจากชายแดนยูเครน

สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ส่งเรื่องกลับไปที่วุฒิสภาเพื่อดำเนินการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนื่องจากปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ถือว่าไม่ได้ผิดไปจากที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ แต่เรื่องก็ยังไม่ได้จบ เพราะเป็นการชี้มูลแล้วส่งเรื่องต่อไปอีกที ดังนั้นจึงไม่ค่อยสำคัญเท่ากับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ เพราะศาลฯสั่งให้มีผลในทันที

นอกจากนี้ ยังกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิด M79 หลายครั้งเมื่อคืนนี้เป็นความเสี่ยงที่คาดเดาได้ยาก เพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นในเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ดังนั้น จากนี้ไปยังเป็นเรื่องที่คาดเดายาก แต่การเมืองคงจะเข้มข้นขึ้น จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(9 พ.ค.)นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯอาจมีแรงรีบาวน์ได้บ้างหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปมากแล้วในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และหากตลาดต่างประเทศยังบวกต่อก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง แต่สถานการณ์การเมืองในประเทศยังไม่จบ รวมถึงกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ดังนั้น ช่วงนี้นักลงทุนจะต้องระมัดระวัง และรอดูสถานการณ์ไปก่อนจะดีกว่า พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,365 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด

"หากพรุ่งนี้ตลาดฯจะรีบาวน์ก็คงจะมาจากสองเรื่องคือ อย่างแรกตลาดฯปรับตัวลงมากไปแล้วในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา อีกอย่างก็ได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศที่บวกต่อ"นายธนเดช กล่าว

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 4,893,35 ล้านบาท ปิดที่ 10.60 บาท เพิ่มขึ้น 3.70 บาท

          JAS       มูลค่าการซื้อขาย 1,960.40 ล้านบาท ปิดที่    8.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,940.68 ล้านบาท ปิดที่ 187.50 บาท ลดลง 4.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,913.12 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,487.00 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท ลดลง 0.75 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ