PRIN ยันเปิด 6 โครงการใหม่ 6.5 พันลบ.ลุ้นการเมืองนิ่ง-ดอกเบี้ยต่ำหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 15, 2014 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักกรรมการผู้จัดการ บมจ.ปริญสิริ(PRIN)เปิดเผยว่า ในปี 57 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 6,515 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการมูลค่า 2,400 ล้านบาท บ้านแฝด 1 โครงการ มูลค่า 1,300 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่า 1,615 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท

6 โครงการที่เตรียมเปิดใหม่ในปีนี้ ประกอบด้วย บ้านทาวน์โฮม โครงการ Sixnature Ramindra ถนนพระยาสุเรนทร์ 24 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 2/57, บ้านทาวน์โฮม โครงการ Corazon prachachuen ถนนประชาชื่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดขายในช่วง ไตรมาส 3/57, บ้านทาวน์โฮม โครงการ Citysense Ramindra ถนนพระยาสุเรนทร์ 30 ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดขายในช่วง ไตรมาส 4/57,

บ้านเดี่ยว โครงการ PRINN Sathon-Rachaphruek ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งได้เปิดขายแล้วในวันที่ 25 ม.ค.57 และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.57 มียอดขายแล้วกว่า 130 ล้านบาท,บ้านเดี่ยว โครงการ Iconature Rama 2 ถนนเทียนทะเล อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะขายช่วงไตรมาส 3/57 และ คอนโดมิเนียม โครงการ Rattanathibet ถนนรัตนาธิเบศร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/57

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า เชื่อว่าหลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ลูกค้าจะกลับเข้ามาเยี่ยมชมโครงการตามปกติ และตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่คิดจะกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุน กล้าตัดสินใจ หลังทิศทางการเมืองมีความชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังอนุมัติออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนการดำเนินธุรกิจ เตรียมพร้อมเปิดโครงการใหม่ และการซื้อที่ดินเพื่อทำโครงการ โดยในปีนี้มีงบประมาณเพื่อซื้อที่ดินประมาณ 1,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/57 บริษัทมีรายได้รวม 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.07% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมกว่า 544 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิกว่า 46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.04 บาท และแนวโน้มไตรมาส 2 คาดว่ารายได้น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา

"ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เนื่องจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งเห็นได้จากยอดลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการมีจำนวนลดลง ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การทำการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์"นายชัยรัตน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ