GL มุ่งหน้าลุยตลาดเขมรดันสัดส่วนกำไรปี 58 ใกล้เคียงตลาดไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 16, 2014 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชาได้ผ่านพ้นจุดคุ้มทุนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำยอดขายได้ 1,400 คันต่อเดือน และบริษัทฯจะเริ่มบันทึกกำไรเป็นกอบเป็นกำตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป โดยคาดว่าตลาดเช่าซื้อในกัมพูชาจะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายให้ได้ถึง 3,500 คันต่อเดือนภายในปลายปีนี้ และพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็น 5,000 คันในปีถัดไป

ทั้งนี้ GL ได้รับลิขสิทธิ์ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในกัมพูชาเพียงเจ้าเดียว โดยบริษัทฯ ลูกในกัมพูชาคือ GL Finance (GLF) ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเช่าซื้อจากธนาคารแห่งชาติของกัมพูชาเป็นเจ้าแรก ขณะที่ลูกค้าในประเทศกัมพูชาจัดว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม เนื่องจากแทบจะไม่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เลย ในขณะที่อัตราการทำกำไร (Profit Margin) อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ตามประมาณการณ์ของบริษัทฯ คาดว่า ธุรกิจในกัมพูชาจะสามารถสร้างผลกำไรในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับตัวเลขกำไรในตลาดประเทศไทยภายในปี 58

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/57 บริษัทฯ ได้รายงานงบการเงินรวมซึ่งมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 10.76 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 90.63 ล้านบาท ในไตรมาส 1/56 หรือลดลงคิดเป็น 88.13% ในขณะที่งบการเงินเฉพาะกิจการมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/57 ลดลงเหลือ 28.58 ล้านบาท จาก 91.31 ล้านบาทในไตรมาส 1/56 หรือลดลง 68.70%

ยอดรายได้ในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้น 19.81% จาก 320.80 ล้านบาทในไตรมาส 1/56 มาเป็น 384.38 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีนี้ อันเป็นผลสืบเนื่องจากการขยายสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ทั้งบริษัทฯ แม่ในประเทศไทย และบริษัทฯ ลูกในกัมพูชา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่ารายได้ดอกผลเช่าซื้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่กำไรสุทธิกลับลดลงเนื่องจากบริษัทฯ จำเป็นต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ ตามมาตรฐานทางบัญชีที่เข้มงวด

ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาการเมืองยืดเยื้อทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และลูกค้าของบริษัทฯ จำนวนหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้การตั้งสำรองดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นในงบการเงินรวมจาก 60.82 ล้านบาท ในไตรมาส 1/56 เป็น 120.98 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 60.16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98.92% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากบริษัทฯ แม่เกือบทั้งหมด คือ 58.08 ล้านบาท และจากบริษัทฯ ลูกในกัมพูชาเพียง 2.08 ล้านบาท เนื่องจากลูกหนี้ในบริษัทฯ ลูกมีอัตราการค้างชำระที่ต่ำมาก แสดงถึงคุณภาพที่ดีของสินทรัพย์ในกัมพูชา

"ผลประกอบการในไตรมาส 1/57 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของบริษัทฯ และจากนี้ไปสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น โดยคาดว่าสภาพตลาดโดยรวมในประเทศไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งปีหลังของปีนี้ ส่วนตัวเลขการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในเกณฑ์ค่อนข้างสูงในขณะนี้ สามารถตีกลับมาเป็นกำไรในอนาคต หลังจากที่สภาพตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติและลูกหนี้กลับมาผ่อนชำระค่างวดได้ตามกำหนด"นายมิทซึจิ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ