(เพิ่มเติม) HOTPOT คาดQ2/57 พลิกมีกำไรจากขาดทุน Q1/57, เจรจาซื้อธุรกิจอาหาร

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 23, 2014 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ฮอท พอท (HOTPOT) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 2/2557 ว่า จะเติบโตดีกว่าช่วงไตรมาส 1/57 เชื่อยอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและเป็นช่วงที่มีวันหยุดจำนวนมาก พร้อมทั้งเป็นช่วงปิดเทอม

ขณะที่ทั้งปี บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,353.68 ล้านบาท และคาดว่ากำไรปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ซึ่งปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 42.8 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะใกล้เคียงปีก่อนด้วย โดยปีก่อนมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.8% จากการบริหารต้นทุน ซึ่งจะรักษาระดับต้นทุนของการขายให้ต่ำกว่าปัจจุบันที่ 50% รวมถึงมีการกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน บริษัทฯ ยังจัดเทศกาลอาหารนานา ชาติเพื่อต้อนรับเทศกาล ฟุตบอลโลก 2014 โดย มี เมนู 4 สไตล์ ทั้ง เอเชี่ยน อิตาเลี่ยน ซูชิ และขนมหวาน มีอาหารนานาชาติให้ เลือกกว่า 100 ชนิด ณ ร้าน ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ ทุกสาขา ทั้งยังมองว่าการทำการ ตลาดและการขยายสาขาเป็น ปัจจัยที่สนับสนุนการ เติบโตของรายได้ โดยปีนี้วางงบการตลาดราวร้อยละ 3 ของ รายได้รวมและมีแผนเปิดสาขาใหม่ประมาณ 15 สาขา ลงทุนราว 7-9 ล้าน บาทต่อสาขา

"มองว่าแนวโน้มไตรมาส 2/57 จะเติบโตดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยไตรมาส 1/57 มีรายได้จากการขาย 582.44 ล้านบาท และขาดทุนอยู่ที่ 5.95 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงที่เข้าสู่ไฮซีซั่นและเป็นช่วงที่มีวันหยุดมากที่สุด แม้ว่าในระยะนี้จะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก การประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบพอสมควร เชื่อมั่นว่าการประกาศดังกล่าวต่างๆจะจบลงในเร็วๆนี้ ...โดยไตรมาส 2 คาดว่าน่าจะมีกำไรได้ ขณะที่เรามีการปรับกลยุทธ์ ในการควบคุมค่าใช้จ่าย และมีการทำการตลาด โปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นลูกค้าเข้ามามากขึ้น" นางสาวสกุณา กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะมียอดขายปรับตัวดีขึ้น ขณะที่บริษัทฯยังไม่สามารถประเมินความเสียหายจากการเมืองได้ ซึ่งต้องรอหลังจากที่มีการยกเลิกการประกาศก่อนอย่างน้อย 1 เดือน บริษัทฯจึงจะประเมินผลกระทบที่ผ่านมาได้ นอกจากนี้จากที่มีการปิดสาขาไปบางสาขาซึ่งเป็นสาขาที่ทำยอดขายได้ไม่มาก โดยส่วนใหญ่เป็นสาขาที่ต่างจังหวัด ซึ่งไตรมาสแรกมีการปิดไปจำนวน 5 สาขา และคาดว่าไตรมาส 2 นี้จะมีการปิดเพิ่มอีก 2-3 สาขา

นางสาวสกุณา กล่าวถึงแผนการเข้าซื้อกิจการอื่นๆ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการเจรจา 1 ราย โดยเป็นประเภทธุรกิจอาหารแบบเดียวกันกับ HOTPOT ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/57 ของบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 582.44 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 62.33 ล้าน บาท หรือร้อยละ 11.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อนที่ทำได้ 520.11 ล้าน บาท ในไตรมาส 1/57 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 5.95 ล้านบาท ลดลง 9.53 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราขาดทุนสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.01 เปรียบเทียบกับอัตรากำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับร้อยละ 0.68

สาเหตุที่บริษัทฯ มีผลประกอบการลดลง เนื่องจากบริษัทมีแผนการขยายส่วนแบ่ง ตลาดโดยการเปิดสาขาใหม่กับศูนย์การค้าที่มีศักยภาพและความแข็งแกร่งที่มีแผนการขยายไปในส่วนภูมิภาคในพื้นที่ที่มีการ เจริญเติบโตสูง ซึ่งการเปิดสาขาใหม่ดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับสาขาของบริษัทที่มีอยู่เดิมใน ศูนย์การค้าท้องถิ่นที่เคยสร้างยอด ขายและผลประกอบการ ที่ดีให้แก่บริษัท ทำให้บริษัทต้องปิด สาขาดังกล่าว และรับรู้ผลขาดทุนจากการปิดสาขาประกอบกับบรรยากาศ การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ได้ ผลกระทบจากเหตุความ วุ่นวายทางการเมืองที่ยืดเยื้อและยาว นาน

แต่หากพิจารณาถึงการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทในอนาคตแล้ว บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถพลิกฟื้นผลการ ประกอบการได้ในอนาคตได้

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HOTPOT กล่าวว่า จากราคาหุ้น HOTPOT ที่ยังคงต่ำกว่าราคาจอง IPO ที่มีราคาอยู่ที่ 2.80 บาท มองว่าไตรมาส 1/57 มีผลประกอบการที่ขาดทุน ที่เป็นผลจากการรับผลกระทบจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เป็นผลจากทางการเมือง ทำให้ราคาหุ้นดังกล่าวสะท้อนถึงผลประกอบการบริษัทฯ โดยหลังจากนี้บริษัทฯก็จะมีการบริหารงานที่ดีขึ้นเพื่อให้ผลประกอบการออกมาดี


แท็ก (HOTPOT)   ฮอท พอท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ