อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางเป้าหมายระยะยาวที่จะผลักดันรายได้ให้แตะ 1.2 พันล้านบาทในปี 59 ภายใต้คาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ของไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคันในปี 60 ขณะที่บริษัทจะรุกขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น โดยเตรียมเปิดสาขาในอินเดียและเวียดนาม ต่อจากสาขาแรกที่อินโดนีเซีย เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศเป็น 50% ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 12%
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ EUREKA เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog) อยู่ที่ 100 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทั้งหมดภายในปีนี้ และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาออเดอร์ใหม่มูลค่าราว 100 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ รวมถึงมองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้ในครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย ซึ่งนักลงทุนเริ่มกลับมาลงทุน จากที่ผ่านมาหลายกลุ่มอุตรสาหกรรมได้รับผลกระทบทางการเมือง ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต่างชะลอแผนการลงทุน
ขณะที่กำไรในปีนี้คงลดลงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 48.03 ล้านบาท เนื่องด้วยบริษัทมีการใช้จ่ายมากขึ้นในเรื่องของการเพิ่มบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน โดยบริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ 40 ล้านบาทเพื่อซื้อซอฟแวร์เข้ามารองรับจำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรสุทธิก็จะลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 12% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นบริษัทจะพยายามรักษาให้อยู่ในระดับเท่ากับปีก่อนที่ 30%
"ครึ่งปีหลังมองว่าอุตรสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวขึ้น โดยโครงการใหญ่ๆน่าจะกลับเข้ามา หลังจากมีการชะลอแผนงายออกไปในครึ่งปีแรก เราเองก็น่าจะกลับมาได้เหมือนกัน หลังสถานการณ์การเมืองเริ่มนิ่ง คาดว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ ไตรมาส 2 ก็น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ภาพทั้งปีเราก็ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5% จากปีก่อน กำไรก็น่าจะลดลงจากที่เรามีการเพิ่มคนเข้ามา"นายนรากร กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/57 จะใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้ายังคงมีการเลื่อนงานออกไป คาดว่าไตรมาส 3/57 และไตรมาส 4/57 น่าจะมีออเดอร์กลับเข้ามาเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ในปี 58 เพราะมองว่าภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์นับจากนี้ไปจะค่อยๆกลับมาดีขึ้น โดยปัจจัยที่เข้ามากระตุ้นคือโครงการรถกระบะรุ่นใหม่ของโตโยต้าที่จะเปิดตัวปลายปี 58, เครื่องยนต์ใหม่ของกระบะอีซูซุกลางปี 58, HONDA CIVIC 2016 กลางปี 59 และโครงการอีโคคาร์ 2
นายนรากร กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมเปิดสาขาที่อินเดียในเดือนก.ค.นี้ หลังเปิดสาขาที่อินโดนีเซียเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงมีแผนจะเปิดสาขาที่เวียดนามในปี 58 อีกด้วย เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศและกระจายความเสี่ยงการทำธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จะเป็น 50% ของรายได้รวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 12% และปีหน้าจะอยู่ที่ 25-30%
พร้อมกันนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จะแตะ 1,200 ล้านบาทในปี 59 ตามที่ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายผลิตรถโดยรวม 3 ล้านคันในปี 60 ประกอบกับบริษัทฯมีการหาพันธมิตรร่วมทุนมากขึ้น