"แอร์เอเชีย เอ็กซ์"ปลื้มบินเกาหลีแน่น ก้าวต่อเปิดจองญี่ปุ่นก.ค./ทำตลาด Fly thru พม่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 16, 2014 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนัดดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้จะเริ่มบินเส้นทางกรุงเทพฯ-เกาหลีเป็นเที่ยวบินแรก โดยมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เต็ม 100% หลังจากมียอดจองเฉลี่ยกว่า 80% ไปอีก 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการตอบรับที่ดี จึงเตรียมเน้นทำตลาดบินเชื่อมพม่า-กรุงเทพ-เกาหลี เป็น 1 ใน 25 จุดบินเชื่อม(Fly Thru)

ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น จะเปิดจองตั๋วประมาณต้นเดือนก.ค. และเปิดบินช่วงปลายเดือนส.ค.หรือต้นเดือนก.ย.นี้ โดยจะบินกรุงเทพฯ-โตเกียวทุกวัน, กรุงเทพฯ-โอซาก้า 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะเปิดให้บริการ Fly Thru จากพม่าได้ในเส้นทางญี่ปุ่น (โอซาก้า โตเกียว)ได้ก่อน เนื่องจากเวลาของตารางบินไม่มีปัญหาส่วนกรุงเทพฯ-เกาหลี จะต้องรอปรับตารางบินในช่วงต.ค.

"ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวพม่าเดินทางไปเยือนเกาหลีกว่า 63,470 คน ซึ่งไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางจากพม่าไปยังเกาหลีผ่านการต่อเครื่องที่ดอนเมืองในราคาที่ประหยัดและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ส่วนเส้นทางญี่ปุ่นคาดว่าหลังเปิดตัวจะมี Cabin Factir สูงกว่า 80% แน่นอน และคนญี่ปุ่นจะมีความสะดวกหากใช้บริการ Fly Thru มาดอนเมืองโดยสามารถเชื่อมต่อไปยังเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ เมียนมาร์ เสียมเรียบ ฯลฯ ได้สะดวกมาก ส่วนตลาดพม่าในอนาคตมีศัยภาพสูง แต่จะต้องปรับปรุงในเรื่องที่คนพม่ายังขอวีซ่าไปญี่ปุ่นที่ยังค่อนข้างยาก"นายนัดดากล่าว

ทั้งนี้ จากที่สายการบินไทยแอร์เอเชียได้เปิดทำการบินเข้าสู่ประเทศเมียนมาร์มาเกือบ 18 ปี ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยแอร์เอเชียเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเมียนมาร์ในอันดับ 1 มาตลอด ดังนั้น จึงเปิดบริการ Fly Thru จากย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ (ต่อเครื่องที่สนามบินดอนเมือง)สู่ปลายทางหลากหลาย 25 จุดบินจากไทย โดยรับสัมภาระครั้งเดียว ไม่ต้องผ่าน ตม.หลายครั้งและไม่ต้องขอวีซ่า(Transit Visa)เมื่อเดินทางผ่านสนามบินดอนเมืองสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเสริมจุดแข็งของไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ โดยคาดว่าแอร์เอเชียเอ็กซ์ จะมีผู้โดยสารที่ใช้ บริการ Fly Thru ในแต่ละเที่ยวบินประมาณ 35%

นายนัดดา กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาการเมืองภายในประเทศของไทยได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ แต่หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศทำให้สถานการณ์เริ่มนิ่ง เกิดความแน่นอนในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่เรียกความเขื่อมั่นของทุกภาคส่วนรวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วย โดยประเมินว่าตลาดการท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 1 เดือน

ด้านนายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตลาดเมียนมาร์และอินโดจีนเป็นตลาดหลักของแอร์เอเชีย โดยปัจจุบันแอร์เอเชียบินตรงย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ(FD) 2 เที่ยวบินต่อวัน, ย่างกุ้ง-กัวลาลัมเปอร์(AK) 1 เที่ยวบินต่อวัน และมัณฑะเลย์-กรุงเทพฯ(FD) 1 เที่ยวบินต่อวัน โดยหลังเปิดตัวบริการต่อเที่ยวบิน Fly Thru เมื่อธ.ค.56 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียได้เพิ่มบริการ Fly Thru จากย่างกุ้ง ต่อเครื่องที่ดอนเมืองสู่ 8 ปลายทางระหว่างประเทศ คือ เสียมราฐ ฉงชิ่ง จาการ์ตา อู่ฮั่น มาเก๊า สิงคโปร์ ฮ่องกงและโฮจิมินห์ และสู่ 5 ปลายทางภายในประเทศไทย คือ เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ กระบี่ ภูเก็ต และบริการ Fly Thru จากมัณฑะเลย์ ต่อเครื่องที่ดอนเมืองสู่ภูเก็ต และกัวลาลัมเปอร์

นายชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์ อัครราชทูตไทยประจำกรุง ย่างกุ้ง กล่าวว่า ภายหลังพม่าเปิดประเทศและรัฐบาลพม่ามีความชัดเจนในการพัฒนาส่งเสริมนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตั้งหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน(MIC) มีการลงทุนด้านสินค้าอุปโภค-บริโภค, บริการ, อสังหาริมทรัพย์สูง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงมาก ประเมินว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี การใช้จ่ายภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น

"คนพม่าถือว่าค่อนข้างมีกำลังซื้ออีกมาก โดยสถิติมีการขอทำวีซ่าที่สถานฑูตไทยประจำพม่าเพื่อไปประเทศไทยเฉลี่ย 600 คนต่อวัน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเพื่อยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวระหว่างกันในการเดินทางเข้าออกผ่านทางเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อปี 56 ส่วนการเดินทางผ่านทางด่านอื่นๆ ยังต้องพิจารณาในลำดับต่อไป เนื่องจากต้องควบคุมในเรื่องการลักลอบเข้ามาทำงาน"นายชัยณรงค์ กล่าว

ทั้งนี้ คนพม่ามีเงินแต่ที่ผ่านมาอาจจะไม่สามารถนำออกมาใช้จ่ายได้สะดวก และประเทศไทยถือเป็นประเทศที่คนพม่านิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินนกแอร์, ไทยแอร์เอเชีย และโกลเด้นท์เมียนม่าร์ แอร์ไลน์ เปิดบินไป-กลับ ในราคาต่ำ 100-120 เหรียญสหรัฐ ทำให้ช่วยส่งเสริมให้คนพม่าเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น

ในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา (2001-2013) มูลค่าทางการท่องเที่ยวของพม่าเพิ่มจาก 100 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันพม่ามีปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานมาก เพราะปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลได้มีการวางแผนระยะ 5 ปี, 10 ปี ,15 ปี ในการปรับปรุงถนนต่างๆ รวมถึงไปการมีระบบรถไฟฟ้าด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ