ทั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ในวันที่ 18 มิ.ย. 57 และผู้ลงทุนสามารถดำเนินการขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน KFCASH ไปยังกองทุนอื่นได้ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. 57 เป็นต้นไป
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนเปิดกรุงศรีพันธบัตรรัฐบาล6M1ทริกเกอร์ (KFGOV6MTG1) มาจากมุมมองการลงทุนที่แม่นยำ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้กองทุนสามารถสร้างตอบแทนได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ โดยในช่วงเวลาที่เปิดเสนอขายกองทุน KFGOV6MTG1นั้นบริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะกลางรุ่นอายุประมาณ 3-5 ปี มีความผันผวนอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มสูงมากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 2.00% ต่อปี ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น
สำหรับมุมมองที่มีต่อทิศทางดอกเบี้ยและสภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 57 คาดว่าภายหลังภาวะตึงเครียดทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลง และภาครัฐสามารถกลับมาดำเนินนโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง ทำให้คาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2 ไปจนถึงสิ้นปีนี้ และคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบัน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางถึงยาวจะเริ่มมีความผันผวนและอาจปรับตัวสูงขึ้นตามความกังวลเรื่องอุปทานพันธบัตรรัฐบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่เหมาะสมคือคัดเลือกตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่ยาวจนเกินไปแต่มีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
"อยากแนะนำลูกค้าพิจารณาลงทุนในกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ระยะกลาง (KFMTFI) ซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี มีอายุคงเหลือเฉลี่ยไม่สูงมาก ในขณะที่ให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสม โดยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระยะเวลา 6 เดือนสูงกว่าการลงทุนในกองทุนประเภท Money Market Fund"นายฉัตรพี กล่าว