สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 109,023 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 92,443 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 84.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,977 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.3% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 886 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB15DA, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 1.5 ปี, 5.0 ปี และ 3.0 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,684 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)(GLOBAL172A) มูลค่า 168.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)(IRPC215B)มูลค่า 142.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด(MPSC156A)มูลค่า 126.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 436.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,815 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,438 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 20,889 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.06% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.17% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3 เดือนถึง 5 ปี ประมาณ 1-3 bps. โดยพันธบัตร ธปท.อายุ 6 เดือน และ 1 ปีที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 0.40 และ 0.74 เท่าของวงเงินประมูล เนื่องจากมีกองทุนอายุ 6 เดือน - 1 ปีที่ออกโดยบริษัทจัดการกองทุนต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า จึงจำหน่ายได้ไม่เต็มวงเงิน สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 20,889 ล้านบาท