สำหรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2557 ออสสิริสยังคงเดินหน้าสรรหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของออสสิริส และเพื่อช่วยผลักดันให้แบรนด์ออสสิริสเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ เช่น การจับมือกับ แพ็มพ์ (PAMP) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสถาบันการเงินชั้นนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนสานต่อแนวทางด้านการตลาด โดยเน้นไปที่การสื่อสารผ่านโลกสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่ล่าสุด บริษัทเปิดให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น "วี แชท" (We Chat) "AusirisGroup" official Account หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดให้บริการผ่านเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ไปแล้ว รวมถึงบริษัทมีการพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการดูราคาทองแบบเรียลไทม์ และสามารถรองรับการเข้าถึงข้อมูลทุกขนาดหน้าจอผ่านช่องทางโทรศัพท์มือถือและแทปเลต รวมถึงการเพิ่มช่องทางการเปิดบัญชีซื้อ-ขาย ทองคำแท่งแบบออนไลน์ ที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน และลูกค้าสามารถซื้อ-ขายได้เลยภายในวันถัดไป
นอกจากนี้ ออสสิริส ยังให้ความสำคัญกับการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้านักลงทุน โดยการสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เช่น การสร้างคอมมูนิตี้ "Ausiris Futures Club" สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิกออสสิริส ฟิวเจอร์ การอบรมสัมมนากับกูรูชื่อดัง การดูแลพอร์ทด้วยตนเอง รวมถึงจุดให้บริการ ไอซี คอร์นเนอร์ สำหรับนักลงทุนอนุพันธ์ แบบเป็นกันเองในแฟล็กชิป สโตร์แห่งนี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ด้านการลงทุนแก่ลูกค้า อีกทั้งเป็นการตอบแทนและขอบคุณสมาชิกออสสิริสที่ไว้วางใจให้บริษัทเป็นผู้ดูแลและบริหารความมั่งคั่ง เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์
ด้านนายธนสิน กลีบลำเจียก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการค้าและการลงทุน บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 นั้น จากการคาดการณ์ราคาทองคำครึ่งปีหลังมีทิศทางเป็น Sideway Up ซึ่งเคลื่อนตัวผันผวน ตลอดครึ่งหลังของปี โดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อทองคำของกลุ่ม Jewelry และ กลุ่มInvestment ของฝั่งทวีปเอเซียได้แก่ จีน อินเดีย และไทย รวมถึงปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศยูเครนและประเทศอิรัก ซึ่งยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับปัจจัยการลด QE และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐหลังภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงอัตราการว่างงานลดลง
โดยประเมินว่าราคาทองคำจะยังคงไม่ปรับอย่างรวดเร็ว รวมทั้งตลาดมีการรับข่าวการลด QE และการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ประเมินว่าเป็นปัจจัยบวกเช่นเดียวกัน และในส่วนความต้องการในกลุ่มการลงทุนทั้ง Gold ETF และ Gold Futures ที่มีแรงขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วเราประเมินว่าจากที่มีแรงขายทองคำของกลุ่มดังกล่าว และในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีแรงซื้อกลับของกลุ่มการลงทุนกลับเข้ามา ซึ่งก็ถือว่าเป็นปัจจัยบวกกับทองคำเช่นเดียวกัน