กองทุนดังกล่าวเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทชั้นนำในประเทศไทย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) หุ้นกู้ที่ออกโดยบมจ. ไทคอน อินดัสเตรียล คอนเน็คชั่น (TICON) หุ้นกู้ที่ออกโดยบมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) และหุ้นกู้ที่ออกโดยบมจ. เอเชีย เสริมกิจ ลีสซิ่ง ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+, A, A- และ BBB+ ตามลำดับ ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะมีการจ่ายผลตอบแทนโดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกๆ 6 เดือน
“ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการของ บลจ.กสิกรไทย ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในระยะยาว โดยกองทุนตราสารหนี้ไทย อายุโครงการประมาณ 3 ปี ซึ่งบริษัทได้เคยเปิดเสนอขายไปในช่วงเวลาก่อนหน้าจำนวน 2 กองทุน ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี และสามารถปิดการเสนอขายเนื่องจากมีผู้จองซื้อเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการ รวมทั้ง 2 กองทุน เป็นมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อตอบรับความต้องการดังกล่าว พร้อมกับอาศัยจังหวะการลงทุนที่สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน บริษัทจึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 3 ปี ซี (KTF3YC) เพื่อตอบรับความต้องการของผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนอย่างต่อเนื่อง" นายชัชชัย กล่าว
นายชัชชัย กล่าวถึงมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยอยู่ที่ 75.1 จุด จากเดือนพฤษภาคม ที่ 70.7 จุด ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ดีขึ้น ภายหลังจากการเข้าควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้แม้ว่าความเชื่อมั่นจะดีขึ้นแต่ตัวเลขที่ยังต่ำกว่า 100 จุด ยังแสดงถึงความเชื่อมั่นที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติ ประกอบกับตัวเลขการค้าของไทยในเดือนพฤษภาคมซึ่งออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยยอดส่งออกหดตัว 2.14% ส่งผลให้ดุลการค้าประจำเดือนพฤษภาคมขาดดุลกว่า 810 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานถึงตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่มองว่าได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และเชื่อว่าการบริโภคในประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐและเอกชน รวมถึงตัวเลขการส่งออกหลังจากนี้ จะเป็นตัวจักรสำคัญที่ผลักดันเศรษฐกิจไทยให้สามารถขยายตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
นายชัชชัย กล่าวว่า แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกจะมีความชัดเจนเรื่องการฟื้นตัวมากขึ้น แต่การเติบโตของเศรษฐกิจจะยังไม่เร่งตัวสูงมาก ดังนั้นคาดว่าอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศจะทรงตัวในปีนี้ และทยอยปรับเพิ่มขึ้นในปีถัดๆ ไป ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนที่เสนอให้กับนักลงทุนที่ 3.40% ต่อปีนั้น บลจ.กสิกรไทยได้ประเมินแล้วว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนระยะสั้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 3 ปี ซี (KTF3YC) ที่เปิดเสนอขายดังกล่าว จึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาวและสามารถยอมรับความเสี่ยงในระดับปานกลางถึงต่ำ