บลจ.ไทยพาณิชย์ เผยนักลงทุนตอบรับ PPF เทรดวันแรกอย่างดี เล็งรับจัดการอีก 4 กอง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 8, 2014 13:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค(PPF)เปิดเผยว่า นักลงทุนให้การตอบรับที่ดีในหลักทรัพย์ของ PPF ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)อาจเพราะ PPF นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่การมีรายได้ค่าเช่าที่นิ่งจากการเป็นนิคมอุตสาหกรรม ที่มีทำเลที่ดีใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งมีผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนค่อนข้างมาก

วันนี้ PPF เปิดเทรดวันแรกที่ 11.00 บาท/หน่วย จากราคาเสนอขาย IPO ที่ 10 บาท/หน่วย

สำหรับ PPF จะเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (property fund) ที่บริษัทรับเป็นผู้จัดการตัวสุดท้ายในปีนี้ โดยช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯจะเข้าไปรับบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ที่อยู่ระหว่างศึกษาประมาณ 3 กอง มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure fund) ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาในกลุ่มโรงไฟฟ้า ภาคขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่นๆ

นายสมิทธ์ ยอมรับว่า กรณีที่ภาครัฐอาจยกเลิกการให้สิทธิทางภาษีในการลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)นั้น อาจจะมีผลกระทบให้นักลงทุนหรือลูกค้าของบริษัทถอนการลงทุนออกไปจากกองทุน LTF ที่ถืออยู่ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ประมาณ 30-50% จากลูกค้าที่มีอยู่ในกองทุน LTF ของบริษัท โดยอาจจะโยกลูกค้าบางส่วนไปในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนหุ้นอื่นๆ

“ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง การลงทุนในตลาดทุนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินไว้กับระบบสถาบันการเงิน แม้กองทุน LTF จะถูกยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน ก็อาจจะลงทุนต่อ โดยลูกค้าของบริษัทฯที่มีอยู่ในปัจจุบันในกองทุน LTF ก็น่าจะหายไปถ้ามีการยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ก็น่าจะรักษาไว้ได้ประมาณ 30-50 %"นายสมิทธ์ กล่าว

สำหรับทิศทางของตลาดหุ้นไทยนั้น บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้มีการปรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นมาเป็น 1,600 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวขึ้นมาตามการประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4/57 และไตรมาส 1/58 ซึ่งปกติตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นมาล่วงหน้าจากตลาดปกติประมาณ 4-5 เดือน

นางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพานิชย์(SCB) เปิดเผยว่า ประเทศจีนมีแนวโน้มการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการเข้ามาลงทุนใน China mobile เข้ามาลงทุนใน True โดยแนวโน้มการเข้ามาลงทุนจะอยู่ในรูปแบบของการเข้ามาร่วมทุน หรือการเข้ามาเป็นพันธมิตร โดยการเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯนั้นๆเลย

"ก่อนหน้านี้ประเทศจีนมีการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นตัวเลข 2 หลักมาตลอด แต่ปัจจุบันการเติบโตลดลงมาอยู่ที่ตัวเลข 1 หลัก ส่งผลให้บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทที่มีการถือหุ้นโดยรัฐบาลจีนเป็นส่วนใหญ่มีเงินสดอยู่ในมือค่อนข้างมาก จึงมีเทรนการออกมาลงทุนนอกประเทศมากขึ้น ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะมาในกลุ่ม Connectivity อาทิ กลุ่มคมนาคมและสื่อสารในช่วงครึ่งหลัง"นางสาววรดา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ