ทั้งนี้ มองเป้าดัชนี SET ปีนี้(2557)ไว้ในช่วง 1,487-1,560 จุด ส่วนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้คาดว่าจะเติบโตในช่วง 5-12% และตัวเลข GDP ของไทยปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 1.5-2%
พร้อมแนะนำหุ้นน่าลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นหุ้นจำพวก Domestic plays ที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ จากพวกการบริโภค และการลงทุน อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์, กลุ่ม Property, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ผลบวกจากการลงทุนของภาครัฐฯ และการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่จะสูงขึ้น
แต่ก็มีกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนในช่วงไตรมาส 3/57 เนื่องจากเป็น High Season โดยน่าจะโฟกัสไปที่กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มเรือเทกอง ซึ่งน่าจะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้น
ด้านกลุ่มพลังงาน ตอนนี้ก็รอการปฎิรูปโครงสร้างพลังงาน ถ้ามีความชัดเจนก็จะน่าสนใจขึ้น เพราะราคายัง Laggard อยู่ ส่วนกลุ่ม ICT ซื้อลงทุนได้ เนื่องจากให้ปันผลสูง และสม่ำเสมอ เพียงแต่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการประมูล 4G
*TSC ปรับเพิ่มเป้าดัชนีฯปีนี้เป็น 1,560 จากเดิม 1,500 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้(TSC)กล่าวว่า ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 57 ขึ้นเป็น 1,560 จุด คิด P/E เท่ากับ 13.4 เท่า(ใช้ประมาณการกำไรของปี 58)จากเดิมตั้งไว้ที่ 1,500 จุด
ทั้งนี้ มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและน่าจะไปต่อได้ เพียงแต่ในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ดัชนีฯอาจจะมีการแกว่งตัวอยู่จากแรงขายทำกำไร เนื่องจากมูลค่าหุ้นปัจจุบันค่อนข้างตึงตัว โดยปัจจุบันเทรด Forward P/E ที่ 12.7 เท่า ถือว่าแพงแล้ว เพราะในอดีตที่ผ่านมาเมื่อเทรดเกิน 12.5 เท่าก็จะมีการพักตัวก่อนประมาณ 7-8%
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการทำงานของคสช.ด้วย ซึ่งคงจะต้องใช้เวลา ส่วนประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้(2557)คาดว่าจะเติบโต 8.5% และตัวเลข GDP ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 1.5%
พร้อมแนะนำหุ้นน่าลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ หุ้นในกลุ่มแบงก์ และหุ้นในกลุ่ม Property ก็ยังน่าสนใจ
*KSS มองตลาดฯ H2/57 ซิกแซกไปต่อแต่มีพักระหว่างทาง
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี(KSS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะซิกแซกไปต่อได้ เพียงแต่ระหว่างอาจจะมีการปรับฐานบ้าง เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไปแล้วประมาณ 14% และเทรด P/E ถึง 16 เท่า
อย่างไรก็ดี มองว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว จากนี้ไปก็รอดูความคืบหน้าการทำงานของคสช. ซึ่งหากนักลงทุนเข้าลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังก็แสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อเผื่อไปปี 58) โดยได้ตั้งเป้าดัชนี SET ปีนี้ไว้ที่ 1,487 จุด ซึ่งปัจจุบันดัชนีฯก็ขึ้นมาเท่าเป้าหมายแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปก็มองว่าเป็นการซื้ออนาคต แต่เมื่อตลาดฯปรับขึ้นไปเชื่อว่าระหว่างทางคงจะต้องมีการปรับฐาน
ส่วนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯคาดว่าปี 57 จะเติบโต 7% ซึ่งโตชะลอจากปีที่แล้วที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตเกือบ 10% แต่ปี 58 กำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตชัดเจนเป็น double digit เพราะจะได้เริ่มเห็นการลงทุนและการบริโภคต่าง ๆ ชัดเจน ส่วนตัวเลข GDP ของไทยปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 2%
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นหุ้นจำพวก Domestic plays อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์, กลุ่ม Property, กลุ่มรับเหมาฯ เป็นต้น ทั้งนี้รับผลบวกจากการลงทุนของภาครัฐฯ และการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่จะสูงขึ้น ส่วนหุ้นในกลุ่ม ICT ก็ยังน่าสนใจอยู่ เพียงแต่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการประมูล 4G
*BLS มองตลาดหุ้นไทยใน H2/57 ไปต่อ แต่พักตัว Q3/57 ก่อน
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง(BLS)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/57 ควรจะมีการพักตัวรอบหนึ่งก่อน เป็นโอกาสเข้าซื้อ เนื่องจากมองว่าในไตรมาส 4/57 ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าทิศทางตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นไปต่อได้
ทั้งนี้ มองเป้าหมายดัชนี SET ปี 57 ไว้ที่ 1,530 จุด และคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 5-6% ส่วนปีหน้ามองเป้าหมายดัชนี SET ไว้ที่ 1,670 จุด และคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนไว้ที่ 14.5%
สำหรับตัวเลข GDP ของไทยในปีนี้ยังมีเป้าหมายเติบโต 2.5% แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับลดเป้าหมายนี้ลงมาเหลือประมาณ 2% ใกล้กับที่แบงก์ชาติได้ประมาณการไว้ ส่วนปี 58 คาดว่าตัวเลข GDP ของไทยจะเติบโต 4.8%
หุ้นที่น่าสนใจเข้าลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 57 เป็นหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ จากพวกการบริโภค และการลงทุน อย่างเช่นหุ้นในกลุ่มแบงก์, Property, วัสดุก่อสร้าง และการพาณิชย์ เป็นต้น แต่ก็มีกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนในช่วงไตรมาส 3/57 เนื่องจากเป็น High Season โดยน่าจะโฟกัสไปที่กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มเรือเทกอง ซึ่งน่าจะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้น
*PST มองเป้าดัชนี SET ปีนี้ 1,560 จุด, ทิศทางตลาดฯ H2/57 ไปต่อได้
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)หรือ PST กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะไปต่อได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายต่าง ๆ ในการปฏิรูปของคสช.ด้วย โดยไม่ได้คาดหวังในเม็ดเงินที่จะไหลเข้า แต่คาดหวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้น อย่างเช่นการท่องเที่ยวฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน upside ตลาดในช่วงสั้นน้อย เพราะตอนนี้เทรด P/E ราว 14.5 เท่า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการย่อตัวลงมาบ้าง เนื่องจากตลาดฯเทรดในระดับสูงแล้ว และภาพยังไม่มีความชัดเจน
ทั้งนี้ เป้าหมายดัชนี SET ปี 57 อยู่ที่ 1,560 จุด คิดเป็น P/E 15 เท่า ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้คาดว่าจะเติบโต 11% และตัวเลข GDP ของไทยปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 2%
สำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังคาดหวังว่าจะมีโครงการลงทุนเพิ่มเข้ามาบ้าง ซึ่งก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มแบงก์มีความน่าสสนใจ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวจะน่าสนใจในช่วงปลายปี ด้านกลุ่มพลังงาน ตอนนี้ก็รอการปฎิรูปโครงสร้างพลังงาน ซึ่งถ้ามีความชัดเจนออกมาก็จะน่าสนใจขึ้น เพราะราคายัง Laggard อยู่ ส่วนกลุ่ม ICT สามารถซื้อลงทุนได้ เนื่องจากให้ปันผลสูง และสม่ำเสมอ
*KTBST ปรับเป้าดัชนี SET ปีนี้ขึ้นเป็น 1,537 จุด ขานรับ Outlook ที่ดีขึ้น
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย)หรือ KTBST กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะสามารถขึ้นทะลุเหนือระดับ 1,500 จุดได้ จากการให้น้ำหนักการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ซึ่งก็รอดูว่าจะฟื้นได้มาก/น้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าฟื้นตัวแน่
ทั้งนี้ ได้มีการปรับเป้าหมายดัชนี SET ปี 57 ขึ้นไปอยู่ที่ 1,537 จุด คิดค่า P/E 14 เท่า จากเดิมที่เคยตั้งไว้ 1,477 จุด และคาดว่าปี 58 ดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,650 จุด คิดค่า P/E 13 เท่า ซึ่งการปรับประมาณการดัชนีฯขึ้นนี้เป็นการประเมินจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะดีขึ้น ภายหลังจากที่ภาพ outlook การเมืองในช่วงครึ่งปีแรกแตกต่างจากภาพในช่วงครึ่งปีหลังอย่างชัดเจน
สำหรับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 57 คาดว่าจะเติบโต 12% เช่นเดียวกับปี 58 ที่คาดว่าจะเติบโต 12% ส่วนตัวเลข GDP ของไทยปีนี้คาดว่าจะเติบโต 2% และในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตกว่า 5%
หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าเป็นหุ้นที่เชื่อมโยงกับการบริโภคภายในประเทศ อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์, พลังงาน, ค้าปลีก, อาหาร, ท่องเที่ยว, โรงแรม และการบิน เป็นต้น และถ้ามาตรการของคสช.มีการกระตุ้นการลงทุนอย่างแรง ก็จะหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ดีด้วย