KTC ส่ง"KTC PROUD"รีแบรนด์สินเชื่อพร้อมใช้ ทุ่ม 70-80 ลบ.ทำการตลาดเปิดเกมรุก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 9, 2014 10:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC)เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อพร้อมใช้ "KTC PROUD" (เคทีซี พราว) โดยมาแทนที่"KTC CASH Revolve"เป็นการรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์สินเชื่อพร้อมใช้เพื่อผลักดันยอดสมาชิกสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 130,000-150,000 ราย จากปัจจุบันมียอดรวม 650,000 ราย รวมทั้งเพื่อขยายวงเงินสินเชื่อให้เพิ่มขึ้นเป็น 17,000 ล้านบาท จากขณะนี้ 15,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10-15% โดยมองว่าสิ้นปีนี้สินเชื่อพร้อมใช้ดังกล่าวจะมียอดจากบริการแบ่งชำระ FLEXI ประมาณ 100-150 ล้านบาท
"การรุกทำการตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลครั้งนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม จากที่ผ่านมาสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น และบริษัทฯมีการปรับปรุงระบบภายในที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ราว 70-80 ล้านบาทในการทำการตลาดผลิตหนังโฆษณา เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรของเคทีซีมากขึ้น"นายระเฑียร กล่าว

สำหรับสถานการณ์ด้านการชำระเงินของสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งระบบที่เริ่มเห็นสัญญาณการผิดนัดชำระเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ในส่วนของ KTC นั้นลูกค้ายังไม่มีอัตราการผิดนัดชำระหนี้มากนักในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา เห็นได้จากสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ไตรมาส 2/57 ของ KTC ยังอยู่ในระดับต่ำ และเชื่อว่าทั้งปียังคงจะรักษาระดับ NPL ไว้ให้อยู่ราว 1% ได้

"เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมถือว่าระดับ NPL ในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลของเรายังต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก โดย NPL ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 1.1% ขณะที่วันนี้ที่เราทำคือการรีแบรนด์สินเชื่อที่มีอยู่มาปรับปรุงให้ดีขึ้นจากที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าเราเป็นผู้นำในตลาดด้านนี้"นายระเฑียร กล่าว

นายระเฑียร กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 12,045.03 ล้านบาท ขณะที่กำไรคาดว่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1,282.63 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/57 ทำกำไรไปแล้ว 355.12 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯยังสามารถควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับต่ำ และมีการตั้งสำรองเงินกว่า 9% ขณะที่คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะเติบโตได้ไม่ถึง 15% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น แต่การจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนอาจจะยังไม่กลับมาได้เต็มที่

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตไม่ถึง 15% เนื่องจากบริษัทได้ทำหนังโฆษณาครั้งแรกในรอบ 7 ปีเพื่อกระตุ้นยอดบัตรใหม่และการใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/57 มองว่ารายได้และกำไรจะเติบโตดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องด้วยบริษัทฯมีการรุกทำการตลาดมากขึ้น ส่งผลให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันแม้ไตรมาสแรกที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบทางการเมือง ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวไปบ้าง แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังถือว่ากำไรสุทธิยังเติบโตดีกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ