บลจ.กรุงไทย คาด AUM ปี 57 โตตามเป้ามาที่ 6.5 แสนลบ. เน้นจับมือใกล้ชิด KTB

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 9, 2014 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) สิ้นปี 57 อยู่ที่ 6.5 แสนล้านบาทเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทมีแผนจะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท และยังมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท

บริษัทยังจะขยายตลาดกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น และมีแผนเปิดกองทุนใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งกองทุนหุ้นต่างประเทศ, กองทุน Term Fund และ Rollover รวมถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ (KTPLUS) ซึ่งปัจจุบันมีมุลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่มีมุลค่าสินทรัพย์สุทธิ 625 ล้านบาท

ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนให้รู้จักผลิตภัณฑ์ของกองทุนมากขึ้น ดังนั้น ลูกค้าสามารถลงทุนได้ตามความเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ได้รับ

ด้านนายวีระ วุฒิพงษ์ศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มกลับมาหลังการทยอยนโยบายเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว การเร่งจัดทำงบประมาณปี 58 สานต่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงแผนปฏิรูปภาษีและแผนปฏิรูปพลังงาน การให้เงินกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ยต่ำ และการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเร่งรัดการพิจารณาโครงการที่ค้างอยู่

ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทย มองว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index)ในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบค่า PER ที่ 12.5-14.5 เท่า มีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทจดทะเบียนมีกำไรเพิ่มขึ้น หลังจากความมั่นใจนักลงทุนและผู้บริโภคกลับคืนมา โดยคาดเป้าหมาย SET Index ในปีนี้ที่ประมาณ 1,580 จุด และหากในปี 58 เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้ในระดับ 5% ก็คาดว่า SET Index จะขึ้นไปแตะ 1,680 จุด จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,485 จุด

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อตอบรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความรวดเร็วและมีเสถียรภาพ โดยเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง ขณะที่กลุ่มที่ให้น้ำหนักน้อยกว่าตลาดได้แก่ กลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ