(เพิ่มเติม) SIRI มั่นใจยอดขายคอนโดฯ ปีนี้ตามเป้าที่ 1.5 หมื่นลบ. หวังฟื้นตัวใน H2/57

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 16, 2014 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า มั่นใจว่ายอดขาย Pre-sale โครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แม้ว่ายอด Pre-sale ช่วงครึ่งปีแรกทำได้เพียง 4 พันล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจ และไม่มีการตัดสินใจซื้อโครงการ ส่งผลกระทบให้ยอดขายในครึ่งปีแรกทำได้ไม่มาก แต่มองว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ในช่วงครึ่งหลังของปีส่งผลให้จะมีลูกค้ากลับมาตัดสินใจซื้อโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก
"ครึ่งปีแรกยอดขายก็ยังไม่มากนักทำได้เกือบ 4 พันล้านบาท เพราะสถานการณ์ต่างๆที่ไม่สงบทำให้ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจซื้อ แต่ครึ่งปีหลังอะไรหลายๆอย่างเริ่มดีขึ้น ทำให้เรามองว่าลูกค้าจะมีการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่ายอดขายในปีนี้ทำได้ตามเป้าที่ 1.5 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน"นายอุทัย กล่าว

ด้านยอดการรับรู้รายได้โครงการคอนโดฯ ในปี 57 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ราว 1-1.5 หมื่นล้านบาท หรือใกล้เคียงกับเป้ายอดขาย Pre-sale โดย H1/57 บริษัทมียอดการรับรู้รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้วราว 4.5 พันล้านบาท

นอกจากนี้ประเมินว่ายอดขายรอโอน (Backlog)ของโครงการคอนโดฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีจะเข้ามาอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่มียอดขายรอโอนอยู่ราว 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ทั้งปี 57 ยอดขายรอโอนของโครงการคอนโดฯ จะเป็นไปตามเป้าที่ 4.52 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายรอโอนรวมทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงที่ 5.3 หมื่นล้านบาท

ด้านการเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่ของ SIRI ภายในปี 57 มั่นใจว่าจะสามารถเปิดได้ตามเป้าหมายที่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะเปิดโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งหลังของปีจะทยอยเปิดโครงการใหม่อีก 8 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนการซื้อที่ดินของบริษัทในปีนี้จะมีการซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2-3 แปลงในครึ่งปีหลัง มูลค่ารวมราว 1 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทไม่ได้ซื้อที่ดินใหม่เพิ่ม นายอุทัย กล่าวต่อว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังของปี 57 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังลูกค้าที่รอจังหวะการซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์จะมีการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นในครึ่งปีหลังเช่นกัน

นายอุทัย กล่าวถึงการพัฒนาคอนโดฯ ในช่วงครึ่งปีหลังว่า จะเน้นการพัฒนาคอนโดฯ ที่เน้นแนวคิดการตลาดด้านการพัฒนาแบรนด์ที่มีความชัดเจนและสะท้อนความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยจากความแข็งแกร่งของคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ THE BASE (เดอะ เบส) ซึ่งปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาภายใต้แบรนด์เดอะ เบส ไปแล้วทั้งสิ้น 15 โครงการทั่วประเทศ

ล่าสุด บริษัทได้เปิดการขายโครงการ “เดอะ เบส พระราม 9 – รามคำแหง" (THE BASE RAMA 9 – RAMKAMHAENG) คอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมโอนจำนวนทั้งสิ้น 923 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 85% พร้อมห้องตกแต่งพิเศษ 12 ห้อง 12 สไตล์ภายใต้แคมเปญ “THE BASE Move in now collection" รับวงเงินกู้สูงสุดพร้อมดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน และเฟอร์นิเจอร์แพ็คเกจ คอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท ซึ่งจะจัดขึ้นในคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ได้แก่ เดอะ เบส พระราม 9 – รามคำแหง, เดอะ เบส แจ้งวัฒนะ – เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์-ภูเก็ต และเดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต ในช่วงระหว่างวันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2557 นี้

สำหรับโครงการเดอะ เบส พระราม 9 - รามคำแหง ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9- รามคำแหง กรุงเทพมหานคร เป็นอาคารสูง 35 ชั้น บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ จำนวน 1 อาคาร ประกอบด้วยห้องชุดทั้งหมดจำนวน 923 ยูนิต ได้แก่ ห้อง Studio ขนาด 25-26.5 ตร.ม. , ห้อง 1 Bed ขนาด 28.5-31.5 ตร.ม. และ ห้อง 2 Bed ขนาด 49 ตร.ม.

นอกจากนี้ส่วนกลางของโครงการยังประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งล้อบบี้แบบ Triple Volume สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสขนาด Double Volume พร้อมเครื่องออกกำลังกายครบครัน พร้อมมอบพื้นที่สำหรับเด็กเล็กเพื่อความสนุกและการเรียนรู้และปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ช.ม. นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสวนส่วนกลางสีเขียวและต้นไม้ขนาดใหญ่รายล้อมทั่วโครงการ พร้อม Green Pathway ทางเดินลอยฟ้าพร้อมสวนสีเขียวและที่นั่งพักผ่อนเหนือลานจอดรถและสวนบริเวณดาดฟ้าให้ชิมวิวเมืองสวยแบบ 360 องศาได้ทุกวันและเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตด้วยมินิมาร์ทภายในโครงการ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการจัดแคมเปญ THE BASE Move in now collection นี้ จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมโอนส่งมอบคอนโดมิเนียมเพื่อตอบรับ Real Demand หรือความต้องการที่อยู่อาศัยจริงอีกประมาณ 14 โครงการทั่วประเทศ โดยหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับสมาชิกของครอบครัวของ Sansiri Family ที่จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ