LPN ปรับลดเป้ารายได้-ยอดขายปีนี้ หลัง H1/57 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 17, 2014 18:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวว่า บริษัทฯปรับลดเป้ารายได้ปีนี้เติบโตเหลือราว 13,600 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องของการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 ทำให้การรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 1,000 ล้านบาท ในโครงการดังกล่าวต้องเปลี่ยนไปรับรู้ในปี 58 แทน

ขณะที่คาดว่ายอดขายจะลดลงเช่นกัน โดยปีนี้น่าจะมียอดขาย 20,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 26,000 ล้านบาท เนื่องด้วยบริษัทฯได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลทำให้ไม่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกมากนัก และผู้ประกอบการมีการชะลอการเปิดโครงการจำนวนมาก รวมถึงผู้บริโภคยังคงชะลอการซื้อคอนโดมิเนียม จากไม่มีความมั่นใจ

สำหรับงานในมือ (Backlog) คาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 23,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ในปีนี้ราว 5,000 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทฯจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น ไว้ที่ 30% และมองว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 15% ใกล้เคียงกันปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/57 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขายคอนโดมิเนียมราว 7,000 ล้านบาท จากไตรมาสแรกมียอดขายอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท

ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายและรายได้ยังคงต่ำกว่าปีก่อนมาก คาดว่ายอดขายรวมครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท

นายโอภาส กล่าวถึงการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดโครงการได้ทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีปรับลดเป้าการเปิดโครงการลงเหลือราว 10-11 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นโครงการคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดได้ 4-5 โครงการ มูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการละ 1,500 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกบริษัทฯมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้วจำนวน 6 โครงการ

"ครึ่งปีหลังบริษัทฯเตรียมเปิดตัวโครงการอีก 4-5 โครงการ หวังได้ยอดขาย 30% โดยเชื่อว่าปลายไตรมาส 2/57 นี้เป็นต้นไป ความเชื่อมั่นจะกลับมาดีขึ้นทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ" นายโอภาส กล่าว

ทั้งนี้มองภาพอุตสาหกรรมโดยรวมขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการเมืองภายในประเทศที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทฯมีการปรับตัวโดยมีการมองสถานการณ์อย่างรอบคอบรัดกุมมากขึ้น เพื่อวางแผนป้องกันความเสี่ยง โดยบริษัทฯได้ประเมินสถานการณ์ปีนี้ไว้คงจะไม่สดใสเมื่อเทียบกับปี 56 จากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจต่างๆ และเริ่มระมัดระวังการเปิดตัวโครงการ และก็มีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการ ขณะที่ก็มีการสำรองเงินไว้ เพื่อจ่ายค่าก่อสร้างอย่างน้อย 6 เดือน และมีการขยายฐานลูกค้าไปยังแถวมีนบุรี ลาดกระบัง เพื่อหาลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม แต่อย่างไรก็ตามมองว่าจากการขยายฐานลูกค้าใหม่พบว่าลูกค้ามีการชะลอการซื้อโครงการจำนวนมาก จากความกังวลของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ