บลจ.วรรณ ส่งกองทุนเปิดตราสารหนี้ 1PLUS-6M ผลตอบแทน 2.75%ต่อปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 21, 2014 11:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า ด้วยมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว และตลาดหุ้นยังมีความผันผวน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะทรงตัวตลอด จนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้ประเมินว่า นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจชะลอการลงทุนในหุ้น เพื่อรอจังหวะการปรับฐานและอาจพิจารณาลงทุนในกองทุนเปิด วรรณเอเอ็มตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 6M (1PLUS-6M) ที่มีอายุการลงทุนประมาณ 6 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค.57 บลจ.วรรณ จะเปิดรับคำสั่งซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 6M (1PLUS-6M) ในระหว่างวันที่ 18 – 25 ก.ค. 57 โดยกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 6M (1PLUS-6M) จะลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ที่เสนอขายในประเทศและต่างประเทศ อายุตราสารประมาณ 6 เดือน ทำให้ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ โดยให้ผลตอบแทนภายหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 2.75% ต่อปี

ตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในรอบการลงทุนครั้งนี้ ได้แก่ เงินฝาก Bank of China (สาขาฮ่องกง) โดยมีสัดส่วนการลงทุน 15% ผลตอบแทนประมาณ 3.0% ต่อปี/ เงินฝาก China Construction Bank (ASIA) (สาขาฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 25% ผลตอบแทนประมาณ 3.0% ต่อปี/ เงินฝาก PT Bank CIMB Niaga Tbk(CIMB Niaga) สัดส่วนการลงทุน 6% ผลตอบแทนประมาณ 3.3% ต่อปี/ ตั๋วแลกเงินบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 8% ผลตอบแทนประมาณ 3.2% ต่อปี/ ตั๋วแลกเงินบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 14% ผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี/ ตั๋วแลกเงินบมจ. เอเชียเสริมกิจ จำกัด สัดส่วนการลงทุน 14% ผลตอบแทนประมาณ 2.9% ต่อปี และ ตั๋วแลกเงินบมจ. ราชธานี ลีสซิ่ง จำกัด สัดส่วนการลงทุน 18% ผลตอบแทนประมาณ 2.9% ต่อปี

นายวิน ให้ความเห็นว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.57 นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้าซื้อสุทธิในพันธบัตรรัฐบาลไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยในเดือน มิ.ย.57 มีเงินต่างชาติไหลเข้าตราสารหนี้ กว่า 21,258 ล้านบาท จากเดิมในช่วงต้นปีเพียงประมาณ 4,100 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาที่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก รวมถึงเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากการเมืองในประเทศมีทางออกที่ค่อนข้างชัดเจน

ขณะที่ด้านอัตราดอกเบี้ยมองว่า การประชุม กนง.ในครั้งต่อไป วันที่ 6 ส.ค.57 น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่อัตรา 2.00% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ และแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังคงต้องพิจารณา ด้านคุณภาพหนี้ อย่างหนี้ครัวเรือน เป็นองค์ประกอบ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับทรงตัวเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รวมทั้งคาดว่า กนง.น่าจะยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำที่อัตรา 2.00% ตลอดจนสิ้นปี 2557 ก่อนที่จะปรับขึ้นในช่วงต้นปี 2558 จากแรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อ และการควบคุมการเร่งขยายตัวของเศรษฐกิจหลังทยอยเติบโตได้ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ