บลจ.กสิกรไทย มองเป้าดัชนีปลายปี 58 ที่ 1,650–1,700 จุดจาก 1,500-1,550 ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 6, 2014 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า สภาวะตลาดทุนในช่วงเดือนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.12% จากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาต่อเนื่องหลังมาตรการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีความชัดเจนขึ้น ทำให้มีสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามากว่า 1.49 หมื่นล้านบาทในเดือนที่ผ่านมา และทำให้ดัชนีขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,543 จุด ก่อนจะมีแรงขายทำกำไรออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตามตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก จากกรณีความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของอาร์เจนตินา ทำให้ตลาดหุ้นหลายประเทศที่ปรับตัวขึ้นสูงในช่วงก่อนหน้า เกิดแรงขายทำกำไรออกมา

อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองในเชิงบวกมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 ทั้งนี้ได้คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปลายปี 2557 ที่ระดับ 1,500-1,550 จุด และปลายปี 2558 ที่ระดับ 1,650 – 1,700

แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามและเป็นตัวดึงความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ คือความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐในโครงการ 2.4 ล้านล้านบาท ว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากแค่ไหน สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบลจ.กสิกรไทย จะเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่ไม่แพงจนเกินไป เช่น ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มก่อสร้าง เป็นต้น ตลอดจนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกและที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ขนส่ง ท่องเที่ยว และยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐาน

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้น 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ในอัตรา 0.38 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดรวงข้าว 2 (RKF2) และกองทุนเปิดรวงข้าว 4 (RKF4) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ในอัตรา 0.38 บาทต่อหน่วย และ 0.24 บาทต่อหน่วย ตามลำดับ โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนในเวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 กำหนดจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 สิงหาคม 2557 มูลค่าการจ่ายปันผลรวมกว่า 213 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลครั้งนี้ นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกองทุน K-VALUE ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลังเป็นบวก แต่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อยในระยะสั้น แต่หากมองในระยะยาว กองทุนดังกล่าวยังให้ผลการดำเนินงานเป็นบวกและสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างมีนัยสำคัญ

จุดเด่นของกองทุน K-VALUE อยู่ที่นโยบายการลงทุนซึ่งเน้นหุ้นพื้นฐานดีและกว่า 70% ของกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มการจ่ายปันผลสูง จึงทำให้กองทุนนี้มีผลการดำเนินงานระยะยาวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและสามารถจ่ายเงินปันผลออกมาให้ผู้ถือหน่วยได้ค่อนข้างสม่ำเสมอแม้ในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนค่อนข้างมากตลอดช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และหากพิจารณาถึงปัญหาทางการเมืองภายในประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งกดดันให้ตลาดมีการปรับตัวลงเป็นระยะด้วยแล้ว การลงทุนในกองทุนหุ้นปันผลอย่าง K-VALUE ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และสามารถช่วยลดความผันผวนจากการลงทุนในตลาดหุ้นลงได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ