ด้านนายวิรัตน์ อนุรักษ์พุฒิ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ CCN เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯคาดหวังว่าจะระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ได้ราว 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ โดยจะทำให้บริษัทสามารถรับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่จะรับงานขนาดมูลค่าประมาณ 20-50 ล้านบาท หากมีทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นก็จะทำให้บริษัทสามารถรับลูกค้าขนาด(SIZE)ใหญ่ขึ้นได้ในอนาคต
"เราก็อยากจะได้เงินจากระดมทุนประมาณ 100 ล้านบาท แต่ก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่านะ แต่ถ้าได้ก็จะทำให้บริษัทฯสามารถรับลูกค้าที่ SIZE ใหญ่ขึ้นได้ ปัจจุบันบริษัทก็มีลูกค้า SIZE ประมาณ 20-50 ล้านบาท"นายวิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 57 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยในช่วงครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานก็สามารถทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ทั้งที่ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเมือง และคาดว่าในครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มกลับมาดีขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมาดีขึ้นด้วย
อนึ่ง ผลประกอบการที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 218.65 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.16 ล้านบาท
บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ประมาณ 70% และอีก 30% เป็นรายได้ธุรกิจให้เช่าเครื่องพิมพ์และคอมพิวเตอร์ บริษัทมีงานในมือ(Backlog)ประมาณ 20-30 ล้านบาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นภาคเอกชนถึง 90% และภาครัฐ 10% ที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทก็มีทั้ง บมจ.ทีโอที(TOT), "สปา ชีวาศรม"เมื่อต้นปีที่ผ่านมา(2557), Office Mate และ อินเด็กซ์ ก็เพิ่งเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้าประมาณ 10 ราย โดยมีบุคลากรประมาณ 80-100 คน
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ไม่เกิน 0.5% และก็คาดว่าจะรักษาให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป เพราะถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ
สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า จะพัฒนาธุรกิจ เพื่อก้าวสู่ความเป็นบริษัทขั้นนำด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ(IT)แบบครบวงจร, พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริหารให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม, รักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิมและแสวงหาโอกาสในการขยายฐานการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถควบคู่กับการให้บริการทันสมัย สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีตลอดเวลา
ปัจจุบัน CCN มีทุนจดทะเบียน 115 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้ว 85 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 170 ล้านหุ้น โดยหลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 115 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 230 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท