ทริสเพิ่มอันดับเครดิต LH เป็น A+ จาก A แนวโน้ม Stable รวมหุ้นกู้ใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 3, 2014 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เป็นระดับ “A+" จาก “A" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+" เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้และเป็นเงินทุนในการขยายกิจการ

อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้นและสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นของรายได้จากเงินลงทุนในบริษัทร่วม นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่ผ่านการพิสูจน์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินจากเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอและการมีหลักทรัพย์สภาพคล่องในระดับสูง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง รวมทั้งภาระหนี้ในระดับปานกลางของบริษัท

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงสถานะทางการเงินที่ยอมรับได้ และความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้ ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า รายได้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 27,000-35,000 ล้านบาทต่อปี และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนคาดว่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานหรืออัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน โดยในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตแต่อย่างใด

LH เป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยของไทย บริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ เดือนมิถุนายน 2557 อยู่ที่ 85,000 ล้านบาท ซึ่งใหญ่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 25,075 ล้านบาทในปี 2556 และ 13,652 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 3 และ 2 ในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามลำดับ

บริษัทก่อตั้งในปี 2526 โดยตระกูลอัศวโภคิน ณ เดือนพฤษภาคม 2557 ตระกูลอัศวโภคินมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 30% รองลงมาคือ Government of Singapore Investment Corporation (GIC) ในสัดส่วน 16%

สินค้าหลักของบริษัทคือบ้านเดี่ยวซึ่งสร้างรายได้ในสัดส่วนประมาณ 70%-75% ของยอดขายรวมในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมากซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขาย บริษัทประสบความสำเร็จในการขายบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์และราคาที่หลากหลาย และเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับกำลังซื้อและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละทำเล ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด

ในปี 2556 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% จากปี 2555 และยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ก็เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 15,000 ล้านบาท

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 17,600 ล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้ยอดขายดังกล่าวเป็นรายได้ประมาณ 6,700 ล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 และส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงปี 2558-2560

ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 27,000-35,000 ล้านบาทต่อปี บริษัทมีอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) เพิ่มขึ้นเป็น 25% ในช่วงระหว่างปี 2556 จนถึง 6 เดือนแรกของปี 2557 จาก 22% ในปี 2555 และ 18% ในปี 2554 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรของบริษัทน่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าเมื่อพิจารณารวมถึงแรงกดดันจากต้นทุนค่าก่อสร้าง ตลอดจนการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการขยายธุรกิจแล้ว

บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 และมิถุนายน 2557 ที่ 49.8% และ 48.5% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่า 1.5 เท่าตามข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1 เท่า แม้ว่าบริษัทจะมีแผนการขยายโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องและมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงก็ตาม

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ระดับประมาณ 1 เท่า บริษัทมีภาระหนี้ในระดับปานกลาง ทว่าความเสี่ยงดังกล่าวถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีเงินลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีซึ่งสามารถสร้างรายได้และการถือเงินลงทุนขนาดใหญ่ในหลักทรัพย์สภาพคล่องสูง โดยมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทร่วมซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 เท่ากับ 47,900 ล้านบาท และรายได้จากเงินลงทุนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปีในปี 2555 และ 2556 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2551-2554

สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 16% ในปี 2556 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 13% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 5 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ