ทั้งนี้ แนวโน้มที่ช่อง 3 อนาล็อคจะออกอากาศแบบคู่ขนานกับช่องดิจิตอลที่ประมูลได้นั้น เป็นสิ่งที่ กสท.มีความมุ่งหวังมาโดยตลอด คือ ต้องการให้มีดิจิตอลทีวี จึงให้มีการออกอากาศแบบคู่ขนานในระบบดิจิตอล เพื่อจะให้กระบวนการของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคทีวีดิจิตอลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องมีการหาแนวทางที่เป็นการประนีประนอมต่อทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดต่อทุกภาคส่วน และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้รับบริการ
ส่วนการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ออกมาระบุกรณีช่อง 3 กล่าวอ้าง คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 27/2557 ว่าเป็นอำนาจของ กสท.นั้น พ.อ.นที กล่าวว่า กสท.มีอำนาจให้ใบอนุญาตกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์อยู่แล้ว การดำเนินการต่างๆ นั้น จึงอยู่ในอำนาจของกสท.อยู่แล้ว ขณะที่ช่อง 3 เป็นผู้ที่ประมูลช่องทีวีดิจิตอลเป็นอันดับที่ 1 มีการลงทุนที่สูงสุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการกิจการรายอื่นๆ และจะมีช่องทีวีทั้งหมด 3 ช่อง ช่อง 3 เองคงคาดว่าอนาคตของทีวีดิจิตอลก็น่าจะเป็นอนาคตของช่อง 3 ด้วยเช่นกัน
"ขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่เรียกว่ากระบวนการพิจารณาและกลั่นกรองว่าจะมีแนวทางดำเนินการออกมาอย่างไรบ้าง ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาออกมาได้โดยที่ไม่ต้องใช้ข้อกฎหมาย อาจจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน"ประธาน กสท. กล่าว
สำหรับความเห็นของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลจากกรณีที่ กสท. ได้มีมติให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สิ้นสุดการทำหน้าที่เป็นโทรทัศน์ทั่วไประดับชาติ หรือการแพร่ภาพระบบอนาล็อคหลังเที่ยงคืนของวันที่ 1 ก.ย. 57 นั้น ผู้ให้บริการทีวีดาวเทียม , เคเบิลทีวี , ไอพีทีวีทุกราย เห็นว่าช่อง 3 อนาล็อกควรจะออกจากระบบ ซึ่งถ้าผู้ให้บริการรายใดฝ่าฝืนคำสั่งถือว่ามีความผิดฐานทำผิดกฎการให้บริการโทรทัศน์ดิจิตอลเป็นการทั่วไป
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) กล่าวว่า อยากให้ กสท.เป็นเจ้าภาพเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ผู้ที่ได้ใบอนุญาตโครงข่ายทีวีดิจิตอล 3 ราย และ บมจ.อสมท. ซึ่งเป็นคู่สัมปทานกับทางช่อง 3 มาหารือร่วมกันเพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ขณะที่ล่าสุด คสช.ได้ออกมายืนยันกรณีช่อง 3 อ้างประกาศ คสช.ฉบับที่ 27/2557 ให้สามารถออกอากาศได้ทั่วประเทศว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของ กสท.ที่จะต้องดำเนินการกับผู้ประกอบการเอง ซึ่งมองว่าสิ่งที่ กสท.กำลังทำเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องด้วยจะส่งผลต่อการกำกับดูแลและจะนำไปสู่การล่มสลายของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอล กสท.ควรยึดมั่นมติวันที่ 3 ก.พ.57 ที่ให้ฟรีทีวีในระบบอนาล็อกต้องยุติการออกอากาศในทุกแพลตฟอร์มตามกฎมัสต์แครี่
นอกจากนี้ ยังเห็นว่ากสท.ไม่ควรแก้ไขปัญหาให้กับช่อง 3 และช่อง 3 ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาอำนาจของคสช.มาใช้บังคับกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกไปสู่ทีวีดิจิตอล
อย่างไรก็ตาม นายสมพันธ์ จารุมิลินท รองประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทรูวิชั่นส์ กล่าวว่า ช่อง 3 ควรจะได้รับสิทธิความเป็นธรรม และได้รับความคุ้มครอง โดยควรให้เวลาช่อง 3 เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอล โดยเห็นว่าการวางระบบโครงข่ายทีวีดิจิตอลยังมีเวลาดำเนินการถึง 4 ปี หลังจากได้รับใบอนุญาตโครงข่ายทีวีดิจิตอล ซึ่งหากโครงข่ายยังไม่มีความพร้อมทาง กสทช.ก็ต้องให้เวลาพัฒนาโครงข่ายให้ครอบคลุม
ขณะเดียวกันก็อยากให้ กสทช.เจรจากับช่อง 3 ด้วยเหตุผล และไม่เห็นด้วยกับประกาศของ กสท.ที่ออกมาดังกล่าวข้างต้น เนื่องด้วยไม่ควรห้ามแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่จะยุติการออกอากาศไปด้วย