ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 317,872 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 15, 2014 16:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (8 – 12 กันยายน2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 317,872 ล้านบาท

หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 63,574 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 14% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 69% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 218,679 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6

เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง(Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 54,776 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน(Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,992 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A(อายุ 4.8 ปี) LB236A(อายุ 8.8 ปี)และ LB15DA(อายุ 1.2 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 15,987 ล้านบาท 9,384 ล้านบาท และ 7,943 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14D11B (อายุ 91 วัน) CB14O30A(อายุ 48 วัน) และ CB14916A(อายุ 4 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 22,010 ล้านบาท 15,165 ล้านบาท และ 13,915 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)รุ่น TOP273A(AA-) มูลค่าการซื้อขาย 513 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส รุ่น IVL16OB (A+) มูลค่าการซื้อขาย 438 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) รุ่น BECL153A(A) มูลค่าการซื้อขาย 421 ล้านบาท

ราคาของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน(Yield) ลดลง ประมาณ 0.01% - 0.02% โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นประเด็นเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แสดงถึงแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 6.1% ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลออกจากตลาดการเงินของไทยรวมถึงประเทศอื่นๆ และกลับเข้าสู่สหรัฐฯ จะเห็นได้จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16-17 ก.ย. อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะมีผลต่อการไหลเข้า-ออกของกระแสเงินทุนต่างชาติในช่วงระยะเวลาถัดไป

นักลงทุนต่างชาติมียอด ขายสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท(ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 16,060 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น(อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 15,063 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 996 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อสุทธิ 4 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ