นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทแนะนำการลงทุนในครึ่งปีหลัง 57 เลือกลงทุนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค (ยกเว้นญี่ปุ่น) ให้กับนักลงทุน และมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า
และเรายังคงเชื่อมั่นว่าการลงทุนในหุ้นในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค (ยกเว้นญี่ปุ่น) ยังคงเป็นภูมิภาคหนึ่งที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่เป็นฐานการผลิตของโลกมีศักยภาพเติบโตไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ภูมิภาคนี้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงโครงสร้างการเมืองและโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย รวมทั้งประเทศไทย
ในขณะที่หลายประเทศประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารกลางของจีนเพิ่มเงินจำนวน 5 แสนล้านหยวนผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ เพื่อปล่อยสินเชื่อสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสภาพคล่อง ประเทศเกาหลีใต้ใช้แผนผลักดันเศรษฐกิจโต 4% ต่อเนื่อง 3 ปี ประเทศอินเดียและไทยออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเมกะโปรเจค รวมถึงประเทศต่างๆ ที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ต่างเน้นเพิ่มการลงทุนภาคเอกชน จากการที่เป็นฐานการผลิตโลกและเป็นกลุ่มผู้ส่งออก ซึ่งจะได้รับอานิสงค์จากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
"ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทต่างๆ มีกำไรที่เติบโตอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่นักวิเคราะห์จะปรับเพิ่มกำไร (Earning Upgrade) ในอนาคตอันใกล้ โดยที่มูลค่าของตลาดหุ้น Asia Pacific ex Japan ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ"นายจุมพล กล่าว
ตัวอย่างบริษัทชั้นนำในภูมิภาคที่กองทุนหลักลงทุนอยู่นั้น เช่น Digi.com Bhd ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการจัดตั้งบริการโทรคมนาคมไร้สายผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของประเทศมาเลเซีย Geely Automobile Hldg Ltd ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน Sydney Airport ท่าอากาศยานซิดนีย์รองรับการเป็นท่าอากาศยานหลักของออสเตรเลีย เป็นต้น
กองทุนจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก (Master Fund) CIMB-Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund บริหารโดย CIMB-Principal Asset Management Berhad, Malaysia เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) จุดเด่นอยู่ที่แนวทางการบริหารกองทุนเชิงรุกและปรับเปลี่ยนการลงทุนตามภาวะตลาด (Dynamic Asset and Dynamic Management) โดยสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้น REITs ตราสารหนี้ และเงินสด
และจุดเด่นเฉพาะของกองนี้ คือ การตั้งเป้าหมายการบริหารในแต่ละปีให้ได้ผลตอบแทนอย่างน้อย 8%* ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 65.74% หรือเฉลี่ยปีละ 21.91% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2554-31 กรกฎาคม 2557) โดยเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับถึง 5 ดาวจาก Morningstar จากผลการดำเนินงานดีเด่นในช่วง 3 ปี
ดังนั้น จึงทำให้กองทุนหลัก CIMB-Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปี-กรกฎาคม 2557 กองทุนสร้างผลตอบแทนได้ที่ 10.08% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 4.59% ในขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.24% 6 เดือน อยู่ที่ 10.07% และ 1 ปีอยู่ที่ 18.19% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 1.94% 3.92% และ 8.00% ตามลำดับ
"เราคาดหมายว่า กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2x4 จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยพิสูจน์จากผลงานการบริหารที่ผ่านมาซึ่งทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง"นายจุมพล กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนจะตั้งเป้าหมายสำหรับการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้กับผู้ลงทุนคือ เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเทียบเท่า 10.20, 10.40, 10.60 บาทต่อหน่วย จะรับซื้อคืนในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และครั้งสุดท้ายเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาทต่อหน่วย จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมดและให้ถือว่าการลงทุนสิ้นสุดลง