ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: Yield Curve นิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 24, 2014 08:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 22 ต.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 52,810 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 39,361 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 74.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,669 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 667 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 7.2 ปี, 4.7 ปี และ 2.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,012 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH153A) มูลค่า 217.9 ล้านบาท

2. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL159A) มูลค่า 52.2 ล้านบาท

3. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY152B) มูลค่า 50.6 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 320.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้

ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,015 ล้านบาท

2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,032 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 737 ล้านบาท

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.69% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน

>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้ ( 22 ต.ค. 57)

Yield Curve นิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร ล่าสุด ธปท.ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวในครึ่งหลังของปีนี้ และผ่านจุดต่ำสุดจากช่วงภาวะเศรษฐกิจซบเซา (Stagnation) ไปแล้ว โดยประเมินว่า แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะมาจากการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก ด้านปัจจัยต่างประเทศนักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของจีนที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 28-29 ต.ค. สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 737 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ