ด้านนายไพฑูรย์ ธำรงกิตติคุณ กรรมการผู้จัดการ บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดกาการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า การจองหุ้น JSP ในช่วงที่ผ่านมา มีการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยจะเห็นได้จากยอดจองซื้อหุ้นล้นหลาม ซึ่งถือเป็นความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และด้วยทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบ และที่อยู่อาศัย จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึง ศักยภาพการบริหารงานที่มั่นใจ และใส่ใจ ในทุกรายละเอียดของแต่ละโครงการ
ส่วนเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ทางบริษัทฯจะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียนนั้น จะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับถือลงทุน เพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว โดย JSP จัดเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่โดดเด่นอีกตัวหนึ่ง จากนโยบายการจ่ายปันผลที่ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ขณะที่นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ JSP) กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซื้อที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต โดยเน้นไปที่แถบชานเมืองและปริมณฑล ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนการขยายธุรกิจในปีหน้าว่า จะมีการเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ โดยยังคงเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แนวราบ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับการพัฒนาโครงการในปัจจุบันบริษัทฯ มีการดำเนินการอยู่ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการอาคารพาณิชย์ และพื้นที่ให้เช่าภายใต้ชื่อโครงการสำเพ็ง 2 มูลค่า 7,500 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยแบบผสมผสานทิวลิป สแควร์ ซึ่งประกอบไปด้วยช็อปปิ้งมอลล์ คอนโดมีเนียม และอาคารพาณิชย์ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท และโครงการที่พักอาศัยไมอามี่ บางปู วิลล่าคอนโดหรูติดทะเล ซึ่งถือเป็นที่พักอาศัย แหล่งท่องเที่ยว ช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดย่านบางปู มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท