ทั้งนี้ บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศยุโรปและการลงทุนในธุรกิจ Healthcare ทั่วโลกที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับการลงทุนในกองทุน RMF ที่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อความมั่งคั่งในยามเกษียณ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีและต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายระดับโลก
กองทุนเปิดกรุงศรียุโรปอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ(KFEURORMF) เน้นลงทุนในกองทุนหลักAllianz Europe Equity Growth Fund เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อปี ซึ่งเป็นกองทุนหลักเดียวกับกองทุน KF-EUROPE และกองทุน KF-HEUROPE ที่บริษัทเปิดขายไปก่อนหน้านี้และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากกองทุนหลักมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2549 โดยกองทุนหลักเน้นให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขันที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตระยะยาวมีความเป็นผู้นำของธุรกิจนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนต่างๆ เช่น ยุโรปอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนนโยบายจากการใช้มาตราการรัดเข็มขัดไปสู่การสนับสนุนการเติบโต และการอ่อนค่าของค่าเงินยูโรจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น การเปลี่ยนโครงสร้างภาษีนิติบุคคลส่งผลให้บริษัทเอกชนมีต้นทุนที่ต่ำลงและมีส่วนต่างกำไรดีขึ้น เป็นต้น
ส่วนกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ(KFHCARERMF) มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก JP Morgan Global Healthcare Fund เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อปี เน้นลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ยา เทคนิคการแพทย์ และบริการทางการแพทย์ขนาดใหญ่ทั่วโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดี ทั้งนี้ กองทุน JP Morgan Global Healthcare Fund เป็นกองทุนหลักกองเดียวกับกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้ปันผล (KF-HEALTHD) ที่บริษัทเสนอขายเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยล่าสุดกองทุน KF-HEALTHD สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วยภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่จัดตั้งกองทุนสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่ดีของกองทุนได้อย่างชัดเจน
บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าการลงทุนในธุรกิจ Healthcare จะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากจำนวนผู้สูงอายุทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นและมีอายุขัยยาวนานขึ้น โดยประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3 เท่าในทุกๆ 50 ปี และอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรรวม ทั้งนี้ มีการคาดว่าอายุขัยเฉลี่ยของประชากรโลกเพิ่มเป็น 73.7 ในปี 2017 จากเดิมที่ 72.6ปี ในปี 2012 และคาดว่าค่าใช้จ่ายด้าน Healthcare มีสัดส่วน10.5% ของมูลค่าเศรษฐกิจโลกในปี 2014
"สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุน LTF – RMF หรือต้องการลงทุนเพิ่มเพื่อใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษี ควรพิจารณาลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ และลงทุนให้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษีที่ตนเองได้รับทั้งในส่วนของกองทุน LTFและ RMF"นายฉัตรพี กล่าว