(เพิ่มเติม) GUNKUL ตั้งเป้ารายได้ปี 58 โต 30-50%,สนใจถือหุ้น WEH มองโครงการมีศักยภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 9, 2014 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 58 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30-50% เนื่องจากจะมีการรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าครบ 160 เมกะวัตต์เต็มปี ขณะที่ประเมินว่ารายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากสินค้าใหม่ประเภทหลอดไฟ LED รวมถึงระบบสายส่งในวิศวกรรมไฟฟ้า

ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะได้ประโยชน์จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ค้างท่อของภาครัฐกำลังผลิตรวม 1,013 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดกว่าภาครัฐจะอนุมัติได้ภายในเดือน มี.ค.58 และต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน ธ.ค.58 โดยบริษัทฯ จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวด้วย คาดหวังได้งานราว 10% รวมถึงจะเข้ารับงานก่อสร้าง (EPC) ให้กับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีงานโครงการโซลาร์ชุมชน 800 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะมีการอนุมัติจากภาครัฐได้ในปี 58 เช่นกัน ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าร่วมทั้งการเป็นผู้ผลิตและรับเหมาก่อสร้าง

ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุน 3 ปี (58-60) จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 350 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 160 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากเงินหมุนเวียนของบริษัทฯ ราว 5 พันล้านบาท ที่เหลือจะเป็นเงินกู้โดยปัจจุบันมี D/E ที่ 0.8 เท่า และสามารถกู้ได้ถึง 3 เท่า

สำหรับความคืบหน้าของโครงการพลังงานลม ห้วยบง 1 ขนาด 60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในไตรมาส 1/59 และโครงการพลังงานลม ห้วยบง 2 ขนาด 60 เมกะวัตต์ ที่จะทำควบคู่กันไป ซึ่งจะแล้วเสร็จได้ในช่วงปลายปี 60 ขณะที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาดำเนินโครงการพลังงานลม 3 ขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยจะสรุปความชัดเจนได้ในช่วงต้นปี 58 ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ทางภาคอีสาน

นอกจากนี้ ในปี 60 คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานจะเพิ่มเป็นมากกว่า 50% รวมถึงสัดส่วนกำไรจะเพิ่มเป็นมากกว่า 60% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้และกำไรราว 50% มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าและธุรกิจเทรดดิ้ง

นางสาวโศภชา กล่าวต่อว่า บริษัทฯมีความสนใจเข้าไปร่วมถือหุ้นในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ขนาด 300 เมกะวัตต์ เนื่องด้วยตัวโครงการลมมีศักยภาพที่ดี แต่ติดปัญหาตรงผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีการขายหุ้นของบุคคลดังกล่าวออกมาหรือไม่ แต่เชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็น่าจะเห็นความคืบหน้าได้ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าได้ต่อ

ด้านนายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ GUNKUL มั่นใจว่ารายได้ปี 2557 จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท หลังผลประกอบการไตรมาส 4/57 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2557 โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต

"ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2557 ของบริษัทถือว่าเติบโตจากปีก่อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ยังคงมีความต้องการมากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรของ GUNKUL ทำให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น" นายสมบูรณ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/57 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิจำนวน 154.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิจำนวน 51.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 103.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 200.88

ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 463.05 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานอันเป็นปกติของบริษัทฯ โดยไม่รวมรายการกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 26.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 436.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,616.91

สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,272.50 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 607.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 665.12 ล้านบาท คิดเป็นเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 109.50 เนื่องจากบริษัทได้รับงานเพิ่มขึ้นและส่งมอบงานให้กับคู่สัญญาเป็นไปตามกำหนดการ ขณะที่รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,016.64 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 894.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 121.94 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.63 เนื่องจากมีการบันทึกรายได้จากการขายสินค้าค้าไปยังประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนม่าร์ จำนวน 250 ล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41.03 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 28.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.83 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.50 เนื่องจากบริษัทได้รับความไว้วางใจให้บริหารและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 191.26 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 78.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 112.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 142.62 เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จนสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครบทุกโครงการ ซึ่งจะยังผลให้บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยที่บริษัทได้ถือสัดส่วนเท่ากับ 26.16 เมกะวัตต์ (โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวได้รับ Adder 8 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ