บลจ.เมย์แบงก์ เผยนักลงทุนขานรับ 4 กองอีทีเอฟอิงหุ้น ตปท.เทรดวันแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 15, 2014 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หน่วยลงทุน กองทุนเปิดเมย์แบงก์ ยูเอส อีทีเอฟ (Maybank US ETF: MUS) กองทุนเปิดเมย์แบงก์ ยูโร อีทีเอฟ (Maybank EURO ETF: MEU) กองทุนเปิดเมย์แบงก์ เจแปน อีทีเอฟ (Maybank Japan ETF: MJP) และกองทุนเปิดเมย์แบงก์ อีเมอร์จิ้ง อีทีเอฟ (Maybank Emerging ETF: MEM) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 เป็นวันแรกได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะกองทุนดังกล่าวถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุน สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นในประเทศ และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี

“ตั้งแต่กองทุนอีทีเอฟ ซึ่งอ้างอิงดัชนีหุ้นต่างประเทศทั้ง 4 กองทุนเปิดขายไอพีโอ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า มีทั้งโทรมาสอบถาม เข้าร่วมฟังข้อมูลภายในงานสัมมนา หรือสอบถามผ่านทาง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง และ บล.ภัทร ซึ่งเป็นผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนของเรา สำหรับนักลงทุนที่พลาดการจองซื้อส่วนใหญ่จะมารอซื้อกองอีทีเอฟ ในตลาดหลักทรัพย์วันนี้"นายตรีพล กล่าว

สำหรับรูปแบบการลงทุนของกองทุนอีทีเอฟ ต่างประเทศแต่ละกองนั้นจะต่างกันออกไป ดังนี้ กองทุน MUS จะเน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก โดยผลตอบแทนจะสะท้อนจากความเคลื่อนไหวของดัชนี S&P500 กองทุน MEU จะลงทุนหุ้นของบริษัทชั้นนำในกลุ่มประเทศยุโรปกว่า 200 บริษัท โดยผลตอบแทนจะสะท้อนจากความเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI EMU กองทุน MJP จะเน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมากกว่า 300 บริษัท ซึ่งผลตอบแทนจะสะท้อนจากความเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI Japan และกองทุน MEM จะเน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในตลาดเกิดใหม่กว่า 800 หุ้น โดยผลตอบแทนจะสะท้อนจากความเคลื่อนไหวของดัชนี MSCI Emerging Markets โดยทั้ง 4 กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิหรือกำไรสะสม

“หากดูจากสถิติย้อนหลัง 3 ปี ถึงเดือนพฤศจิกายน 2557ของดัชนีอ้างอิงของกองทุนอีทีเอฟ MUS, MEU, MJP,MEM ในรูปเงินบาท จะพบว่า ผลตอบแทนการลงทุนโดยเฉลี่ยต่อปีของตลาดหุ้นนิวยอร์ค จะอยู่ที่ 20.8% ผลตอบแทนการลงทุนโดยเฉลี่ยของกลุ่มประเทศยุโรป จะอยู่ที่ 12.5% ผลตอบแทนการลงทุนโดยเฉลี่ยของหุ้นญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 10.7% และผลตอบแทนการลงทุนโดยเฉลี่ยของตลาดเกิดใหม่ จะอยู่ที่ 4.8% ซึ่งเชื่อว่าผลตอบแทนในระยะยาวของหน่วยลงทุนอีทีเอฟทั้ง 4 กอง จะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี"

นายตรีพล กล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นโลกจะยังมีความผันผวนอยู่มากและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเพราะฉะนั้นการกระจายความเสี่ยงจะสำคัญมากยิ่งขึ้น จากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีจะพบว่า หากกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนโดยแบ่งลงในหุ้นไทย สหรัฐฯ ยูโร ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ ในสัดส่วนเท่าๆ กัน จะสามารถลดความเสี่ยงของผลตอบแทนได้ถึง 36 % สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการความเสี่ยงในการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ และจะสำคัญมากขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้มองว่าการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ จะเปิดกว้างมากและง่ายขึ้นด้วย อีทีเอฟ ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่างประเทศถูกลงกว่าปัจจุบัน

บลจ.เมย์แบงก์เอง มีแผนจะออกกองทุนอีทีเอฟ รูปแบบใหม่ๆ ในปีหน้า เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ลูกค้าและผู้ที่สนใจ และจะเน้นการสื่อสารเกี่ยวกับการลงทุนในอีทีเอฟ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและขยายฐานนักลงทุนใหม่ๆ ในตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ