ปธ.อนุกมธ.ปฏิรูปตลาดทุน หนุนจัดการเด็ดขาดข่าวลือทุบหุ้น-เพิ่มสกัดปั่นหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 19, 2014 16:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปตลาดทุน ระบุว่า ในปี 57 พบว่าหุ้นบางตัวราคาปรับสูงขึ้นอย่างผิดปกติเกินปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก ดังนั้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ควรเพิ่มบทวิจัยเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนใช้ในการประกอบการตัดสินใจมากขึ้น เพื่อไม่ให้นักลงทุนเกิดการตื่นตระหนกในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรงเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ทางการควรบังคับใช้กฎหมายจัดการกับผู้ที่ปล่อยข่าวลืออย่างเข้มงวดเหมือนในต่างประเทศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มมาตรการดูแลการเก็งกำไรหรือการสร้างราคาในตลาดหุ้นด้วย

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 57 ว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศยังอ่อนแอ ขณะที่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโต จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 2% เนื่องจากไตรมาส 3 เติบโตต่ำกว่าที่คาด และไตรมาส 4 ก็ยังไม่ฟื้นตัวได้ชัดเจนนัก

ส่วนปี 58 เป็นปีของการปฏิรูประบบทั้งประเทศ จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตได้ไม่มากนัก ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% โดยช่วงก่อนหน้านี้ประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ถึง 13% แต่หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมาที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จึงต้องประเมินอีกครั้งว่าผลกำไรจะอยู่ที่เท่าใด

ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย มองว่าจากการที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นต่อเนื่องสวนทางกับดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวอย่างต่อเนื่องไม่ได้ถือเป็นสัญญาณผิดปกติ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติส่วนใหญ่ลงทุนระยะสั้น และทยอยขายหุ้นเพิ่อลดความเสี่ยงในช่วงเทศกาลหยุดยาว ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

แต่ยังมีปัจจัยบวกที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบันต่างชาติอาจจะกลับเข้ามาลงทุนบ้าง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตไม่หวือหวา เห็นจากหลายหน่วยงานทางเศรษฐกิจพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโต 3-4.5% ถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะเป็นการเติบโตจากฐานต่ำในปีนี่ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยที่อาจดึงดูดความเชื่อมั่นได้มากขึ้นจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากฝั่งยุโรปและญี่ปุ่นที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ(QE)

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้ายังมีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันและเศรษฐกิจรัสเซียที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคาน้ำมัน ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนให้ดี อย่าตื่นตระหนกกับปัจจัยที่มีผลกับตลาดในระยะสั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ