ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ TTW วงเงินไม่เกิน 1.5 พันลบ.ที่ AA-/Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 8, 2015 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บมจ. ทีทีดับบลิว (TTW) ที่ระดับ “AA-" ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AA-" ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่"

ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ในการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจ่ายน้ำประปาทั้งในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร และพื้นที่ปทุมธานี

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาว ความสม่ำเสมอของความต้องการน้ำประปา และลักษณะของธุรกิจน้ำประปาที่มีความเสี่ยงในการดำเนินงานในระดับต่ำและมีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากและความเสี่ยงจากการมีการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นลูกค้าหลักเพียงรายเดียว

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การลงทุนในอนาคตไม่ควรส่งผลกระทบในด้านลบต่อโครงสร้างเงินทุนและฐานะทางการเงินของบริษัท

ณ เดือนสิงหาคม 2557 TTW มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (25.98%) บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL) (20.24%) และ บมจ.ช. การช่าง(CK) (19.04%) ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยกำลังการผลิตทั้งสิ้น 876,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน และให้บริการบำบัดน้ำเสียซึ่งมีกำลังการบำบัด 18,000 ลบ.ม. ต่อวัน

นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นในสัดส่วน 25% ใน บมจ.ซี. เค. พาวเวอร์(CKP)ด้วย โดย CKP เป็นผู้ถือหุ้น 56% ใน บริษัท เซาท์อีส เอเซีย เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ด้วยกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 615 เมกะวัตต์

บริษัทดำเนินงานโรงผลิตน้ำประปา 3 โรงซึ่งให้บริการน้ำประปาในพื้นที่ 3 เขต คือเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร เขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน บริษัทให้บริการน้ำประปาแก่ กปภ. ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปาอายุ 25 ปีซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2566 และสัญญาอายุ 30 ปีซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2577 กปภ. มีพันธะในการรับซื้อน้ำประปาจากบริษัทในปริมาณขั้นต่ำจำนวน 675,000 ลบ.ม. ต่อวัน ทั้งนี้ สูตรการคำนวณอัตราค่าน้ำจะเป็นไปตามดัชนีราคาผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิต จำหน่าย และให้บริการน้ำประปา รวมทั้งให้บริการบำบัดน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินระยะเวลา 30 ปีด้วย โดยสิทธิดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2582

บริษัทมีรายได้หลักจากเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาครและเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีสัดส่วน 64% และ 31% ของรายได้ทั้งหมดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ตามลำดับ ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากการมี กปภ. เป็นลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียว กระนั้น สถานะความน่าเชื่อถือของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่รับได้เนื่องจากมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากจะเป็นลูกค้าหลักแล้ว กปภ. ยังเป็นคู่แข่งของบริษัทด้วย เมื่อ กปภ. สร้างโรงกรองน้ำประปาแห่งใหม่และจ่ายน้ำในพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่บริษัทให้บริการแล้ว จะส่งผลกระทบทำให้ยอดจำหน่ายน้ำของบริษัทลดลง ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายน้ำในพื้นที่ปทุมธานีของบริษัทไม่เติบโตในปี 2556 และลดลง 1.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เนื่องจากโรงกรองน้ำแห่งใหม่ของ กปภ. เริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงดังกล่าวมีปัจจัยลดทอนลงจากการที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายน้ำประปาขั้นต่ำกับ กปภ.

ฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำและอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับสูง แม้ว่าการผลิตน้ำประปาจะใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน แต่ในกรณีที่ต้องสร้างโครงข่ายระบบส่งและจ่ายน้ำประปาแล้ว ผู้ประกอบการต้องใช้เงินลงทุนสูง บริษัทเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการบางส่วนซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้ต้องการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอและคุณภาพของน้ำดิบเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตน้ำประปา แหล่งน้ำที่สำคัญในการผลิตน้ำประปาของบริษัทมาจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่มีปริมาณน้ำเพียงพอ แม้แหล่งน้ำแต่ละแห่งจะมีคุณภาพน้ำที่แตกต่างกัน แต่บริษัทก็สามารถนำน้ำไปผลิตเป็นน้ำประปาคุณภาพสูงได้เช่นเดียวกัน

บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเนื่องจากการมีโครงสร้างสัญญาซื้อขายน้ำที่ดีกับ กปภ. อีกทั้งยังมีความต้องการน้ำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2556 บริษัทมีรายได้ 5,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำประปาที่จำหน่ายและการปรับเพิ่มราคาน้ำประปา สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 4,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มราคาน้ำประปาเป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณขายน้ำประปาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวและการที่ กปภ. สร้างโรงกรองน้ำแห่งใหม่ โดยปริมาณขายน้ำรวมเพิ่มขึ้น 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัทยังคงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่า 76% ในช่วงระหว่างปี 2549 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 สภาพคล่องของบริษัทก็ยังอยู่ในระดับดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 27.4% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ที่ 53.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557

บริษัทมีแผนการลงทุน 2 โครงการในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจ่ายน้ำประปาในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร และปทุมธานี โครงการแรกเป็นการก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปาแห่งใหม่ของบริษัทในพื้นที่กระทุ่มแบน สมุทรสาคร โดยมีมูลค่าการลงทุน 2,904 ล้านบาท มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 100,000 ลบ.ม. ต่อวัน โครงสร้างของโรงผลิตน้ำสามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตได้ถึง 400,000 ลบ.ม. ต่อวัน โดยมีกำหนดเสร็จปลายปี 2559 ส่วนอีกโครงการเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในพื้นที่ปทุมธานี เพื่อรองรับกับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่รังสิต โดยมีมูลค่าการลงทุน 367 ล้านบาท มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 57,000 ลบ.ม. ต่อวัน โครงสร้างของโรงผลิตน้ำสามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตได้ถึง 100,000 ลบ.ม. ต่อวัน โดยมีกำหนดเสร็จปลายปี 2558 โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นเงินกู้ยืมครึ่งหนึ่ง และที่เหลือจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัท

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทน่าจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ในระดับ 3,000-3,400 ล้านบาทต่อปี บริษัทมีแผนจะคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงอยู่ โดยคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ประมาณ 2,000-2,300 ล้านบาทต่อปี เงินทุนจากการดำเนินงานที่เหลือจะใช้สำหรับสนับสนุนโครงการลงทุนของบริษัท ดังนั้น สถานะโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะคงอยู่ที่ระดับปัจจุบัน สภาพคล่องของบริษัทก็จะไม่ถูกกระทบมากนักเนื่องจากบริษัทมีเงินสดในมือจำนวนมาก โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทถือเงินสดจำนวน 4,560 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเงินจำนวน 1,171 ล้านบาทที่ต้องสำรองไว้ตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานที่ได้รับจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้น 25% ใน CKP ซึ่งมีมูลค่า 4,895 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ