IVL เข้าซื้อรง. PET ของบ.ย่อย PTL ในตรุกี คาดแล้วเสร็จ Q1/58

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 9, 2015 08:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET แห่งใหม่ ขนาด 2.52 แสนตัน/ปี จาก
บริษัทย่อยของบมจ.โพลีเพล็กซ์(ประเทศไทย) (PTL) รองรับตลาดที่เติบโตในตรุกีและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/58

IVL ระบุว่า Indorama Netherlands B.V. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ IVL ถือหุ้นทั้งหมด ได้ลงนามในสัญญาซื้อกิจการ 100% ของ Polyplex Resins San.ve Tic. A.S. ประเทศตุรกี(โพลีเพล็กซ์ ตุรกี) จาก Polyplex Europa Polyester Film San. ve Tic. A.S. ในประเทศตุรกี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTL และบริษัท Polyplex (Asia) Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้นทั้งหมด

โพลีเพล็กซ์ ตุรกี เป็นเจ้าของโรงงาน PET ที่สร้างขึ้นใหม่ โดยวางแผนกำลังการผลิตที่ 252,000 ตันต่อปี ตั้งอยู่ใกล้กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อรวมเข้ากับกำลังการผลิต 130,000 ตันต่อปีของโรงงาน Artenius Turkpet ที่ได้ประกาศไปแล้วในไตรมาสที่ 2 ปี 2557 (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Indorama Ventures Adana PET)ทำให้มีกำลังการผลิตรวม 382,000 ตันต่อปีส่งผลให้เป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดในประเทศตุรกีและในภูมิภาคยุโรปตะวันออกเฉียงใต้

นายอาลก โลเฮีย รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ตุรกีถือเป็นตลาดดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในยุโรปและในประเทศที่อยู่ในองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) รวมทั้งยุทธศาสตร์ที่ตั้งที่เข้าถึงตลาดยุโรปตะวันออกเฉียงใต้

การมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดหลักที่สำคัญจะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายในลำดับต้นในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ขณะที่คาดว่าการซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 56 ที่ตลาดยุโรปอ่อนแอ นำไปสู่กลยุทธ์การเข้าซื้อและควบรวมกิจการของบริษัทในปี 57 เพื่อปรับปรุงต้นทุนของกลุ่มบริษัทในตลาดยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและให้บริการลูกค้าภายในภูมิภาค การควบรวมในอุตสาหกรรม ประกอบกับความได้เปรียบด้านอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้น

สำหรับความต้องการ PET มีอัตราการเติบโตประมาณ 6% ต่อปี จากตัวเลขประชากร 76 ล้านคน ซึ่งครึ่งหนึ่งมีอายุต่ำกว่า 30 ปีและคาดว่าจะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านครัวเรือนภายในปี 63 ทำให้ตุรกีเป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

ด้าน PTL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า การขายเงินลงทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทหันมาเน้นการใช้ทรัพยากรและการบริหารจัดการสำหรับธุรกิจผลิตแผ่นฟิล์มพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะที่การขายกิจการครั้งนี้ ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน และเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการขยายกิจการ ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ