อนึ่ง เมื่อปลายปีที่แล้ว SEAOIL ได้เข้าลงทุน 49.99% ใน Pan Orient Energy (Siam) Limited (POES) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและสำรวจปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้ครอบครองสัมปทานในสัดส่วน 100% ของส่วนได้เสียของสัมปทานแปลงที่ L53/48
นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม กรรมการผู้จัดการ SEAOIL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรปี 58 จะเติบโตอย่างน้อย 20% ซึ่งจะมีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงค์โปร ฟิลิปปินส์ และพม่า ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต
รวมถึงบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไร จากธุรกิจสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน ในบริษัท Pan Orient Energy (Siam) Limited (POES) ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 49.99% ตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป โดยธุรกิจดังกล่าวจะมีอัตรากำไรสุทธิราว 20-30%
"เรามองว่าปีนี้จะเป็นปีที่สดใส น่าจะได้เห็นการเติบโตของกำไรอย่างน้อย 20% แน่นอน ขณะที่ปี 57 กำไรอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"นางสาวนีรชา กล่าว
นางสาวนีรชา กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้อย่างน้อย 1 แห่ง โดยงบลงทุนที่ใช้จะมาจากเงินสดที่มีอยู่ราว 400-500 ล้านบาท และเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.3 เท่า ทำให้สามารถกู้เงินได้ถึง 2-3 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากแหล่งขุดเจาะที่จะเข้าซื้อมีขนาดใหญ่ก็อาจพิจารณาเพิ่มทุน
ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนในธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมนั้น บริษัทจะเข้าไปถือหุ้นร่วมกับพันธมิตร โดยสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นอยู่กับขนาดของแหล่งขุดเจาะที่แตกต่างกันออกไป แต่จะต้องมีผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างน้อย 20%
"แผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทก็มีโครงการเข้าซื้อธุรกิจขุดเจาะเพิ่ม เพื่อดันสัดส่วนรายได้และกำไรในธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปี 59"นางสาวนีรชา กล่าว
นางสาวนีรชา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะย้ายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ SET แม้จะมีทุนจดทะเบียนเกิน 300 ล้านบาทแล้วก็ตาม โดยมองว่าการอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ซึ่งบริษัทฯจะมุ่งเน้นในการบริหารงานและพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้เติบโตมากกว่า