ทริสฯ ลดอันดับเครดิตองค์กร A เป็น BB+ แต่ปรับแนวโน้มเป็น Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 13, 2015 17:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ (A) เป็นระดับ “BB+" จาก “BBB-" และปรับแนวโน้ม เป็น “Stable" หรือ “คงที่" จาก “Negative" หรือ “ลบ"

การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงขึ้นของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงผลงานของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางถึงสูง รวมถึงลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง ความกังวลจากการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้ครัวเรือน และภาวะขาดแคลนแรงงานด้วย

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาสถานะทางการเงินในระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ในระยะกลาง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น หรือบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนต่ำกว่า 60% หรืออัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอับดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน A ก่อตั้งในปี 2543 โดยกลุ่มตระกูลเลาหพูนรังษี บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนเมษายน 2547 โดยมีนายวิศิษฏ์ เลาหพูนรังษีเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ กลุ่มเลาหพูนรังษีเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมาตั้งแต่ก่อตั้ง โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ณ เดือนกันยายน 2557 ที่ 44% บริษัทนำเสนอสินค้าที่อยู่อาศัยที่หลากหลายทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ซึ่งเน้นตลาดระดับราคาปานกลางถึงสูง

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีโครงการเหลือขายทั้งหมด 32 โครงการ โดยมีมูลค่าเหลือขายทั้งสิ้นประมาณ 10,028 ล้านบาท จากมูลค่าเหลือขายทั้งหมดคิดเป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 59% ทาวน์เฮ้าส์ 33% และบ้านเดี่ยว 8% บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้จำนวน 2,916 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการคอนโดมิเนียม ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2556 รายได้ของบริษัทอยู่ในช่วง 1,500-1,700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากยอดรายได้ที่รับรู้จากโครงการทาวเฮ้าส์ที่ประมาณ 800-1,400 ล้านบาทต่อปี บริษัทรับรู้รายได้ 1,778 ล้านบาทในปี 2556 ส่วนยอดรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เท่ากับ 1,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จาก 1,262 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556

รายได้ของบริษัทในปี 2557 คาดว่าจะมีมากกว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบด้วยยอดขายประมาณ 400 ล้านบาทที่รับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 2557 กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องจากจุดสูงสุดที่ 21% ในปี 2552 มาอยู่ที่ 6% ในปี 2556 และ 9 เดือนแรกของปี 2557 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเท่ากับ 73.9% (รวมมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่าที่ดินตลอดอายุสัญญาเช่า) เพิ่มขึ้นจาก 63.8% ในปี 2555 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนเท่ากับ 2.68 เท่า ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1.60 เท่าในปี 2555

ดังนั้น บริษัทจึงต้องขอผ่อนปรนเงื่อนไขของหุ้นกู้จากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนเท่ากับ 2 เท่าเป็น 3 เท่า การผ่อนปรนนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงและการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนทำให้กระแสเงินสดของบริษัทอ่อนตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.53% ในปี 2555 ไปอยู่ที่ 0.08% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ