ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร GFPT ที่ "BBB+",แนวโน้ม"คงที่"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 10, 2015 17:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม"Stable" หรือ"คงที่"

อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจอุตสาหกรรมไก่ของประเทศไทย ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มธุรกิจไก่ และนโยบายการเลี้ยงไก่ในฟาร์มของตนเอง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการที่บริษัทพึ่งพิงธุรกิจไก่เพียงอย่างเดียว รวมถึงความผันผวนตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมไก่ ตลอดจนความเสี่ยงจากโรคระบาด และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้าด้วย

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทย โดยนโยบายการให้ความสำคัญในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปน่าจะช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าพื้นฐานภายในประเทศได้บางส่วน

GFPT ก่อตั้งในปี 2524 โดยกลุ่มตระกูลศิริมงคลเกษม ปัจจุบันบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจไก่แบบครบวงจรของไทย ณ เดือนมีนาคม 2557 ตระกูลศิริมงคลเกษมถือหุ้นในสัดส่วน 56% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนมกราคม 2535 โดยเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไก่แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่อาหารสัตว์ ไก่เป็น เนื้อไก่สด ไก่แช่แข็ง และเนื้อไก่ปรุงสุก โดยไก่เนื้อ รวมทั้งไก่พ่อแม่พันธุ์และปู่ย่าพันธุ์จะถูกเลี้ยงในฟาร์มของบริษัททั้งหมด

การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานในระดับสากลสำหรับการส่งออกทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ ในช่วงระหว่างปี 2556 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2557 รายได้จากการจำหน่ายไก่เป็นและเนื้อไก่สดคิดเป็นสัดส่วน 46% ของรายได้รวมของบริษัท ตามมาด้วยอาหารสัตว์ 30% และอาหารปรุงสุก 24% รายได้จากการจำหน่ายสินค้าภายในประเทศคิดเป็น 80% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2556 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2557 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 20% โดยประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปและญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัท

บริษัทขยายกิจการโดยการร่วมทุนกับคู่ค้าต่างประเทศเพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยถือหุ้น 49% ใน บริษัท แม็คคีย์ ฟู้ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (McKey) และถือหุ้น 49% ใน บริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด (GFN) McKey เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ให้แก่ร้านแม็คโดนัลด์ในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิชิเรซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนใน GFN เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายในประเทศญี่ปุ่น โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดอาหารแช่แข็งในประเทศญี่ปุ่นในสัดส่วน 21%

ในปี 2556 บริษัทจีเอฟพีทีเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่อันดับ 7 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 4% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของประเทศไทยในปี 2556 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งมีส่วนแบ่งการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แห่งละ 3%-4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งให้ส่วนแบ่งกำไรรวม 163 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 13.2% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัท

การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกสำหรับการส่งออกช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าของบริษัท นอกเหนือจากการส่งออกโดยตรงแล้ว บริษัทยังจำหน่ายเนื้อไก่ชำแหละให้แก่โรงงานของบริษัทร่วมทุนเพื่อการส่งออกและโรงงานแปรรูปเนื้อไก่อื่น ๆ ด้วย ระหว่างปี 2556 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2557 รายได้ของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและปรุงสุกสำหรับการส่งออกโดยตรงและทางอ้อมคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวมของบริษัท

หลังจากประสบกับภาวะตกต่ำอย่างหนักในปี 2555 อุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทยก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2556 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เนื่องมาจากปริมาณความต้องการไก่เพื่อการส่งออกที่เติบโตอย่างมาก กอรปกับภาวะอุปสงค์และอุปทานไก่ในประเทศที่เริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาขายไก่ทั้งส่งออกและภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น รายได้ของบริษัทเติบโตเป็น 16,699 ล้านบาทในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 8.6% จาก 15,370 ล้านบาทในปี 2555 โดยมีสาเหตุจากราคาขายที่สูงขึ้นและปริมาณส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทส่งออกไก่โดยตรงรวม 22,461 ตันในปี 2556 เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 นอกจากนี้ ปริมาณขายไก่เป็นที่ส่วนใหญ่ขายให้แก่ GFN ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่ก็เติบโต 8%

ในปี 2556 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 6.5% ในปี 2555 เป็น 13.7% ในปี 2556 ซึ่งเป็นผลจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูง ราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นและราคาอาหารสัตว์ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลทำให้ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านบาทในปี 2556 จากระดับ1,500-1,900 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2551-2554 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ราคาขายไก่ส่งออกและไก่ในประเทศที่อยู่ในระดับสูงยังคงผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีอย่างต่อเนื่อง ยอดขายของบริษัทเติบโต 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 อยู่ที่ระดับ 8,517 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายของเนื้อไก่ส่งออกที่เพิ่มขึ้นและรายได้จากการขายไก่เป็นให้ GFN ที่สูงขึ้น

รายได้จากผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปและปรุงสุกสำหรับการส่งออกโดยตรงและการส่งออกทางอ้อมของบริษัทในช่วงเดียวกันของปี 2557 เพิ่มขึ้น 10.4% มาอยู่ที่ระดับ 2,466 ล้านบาท ในขณะที่ปริมาณขายเนื้อไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกในตลาดที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกเพิ่มขึ้น 2% หรืออยู่ที่จำนวน 19,391 ตัน การส่งออกเนื้อไก่สดที่เพิ่มสูงขึ้นช่วยชดเชยปริมาณเนื้อไก่ชำแหละส่งออกทางอ้อมของบริษัทที่ลดลง ความต้องการเนื้อไก่สดจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากหลังจากประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปและญี่ปุ่นได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทย รายได้จากการขายไก่เป็นให้ GFN ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 10.9% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557

อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 14.6% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 9.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งนั้นเกิดจากการที่ราคาขายไก่ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ค่อนข้างทรงตัว EBITDA ของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 มาอยู่ที่ 1,237 ล้านบาท การเติบโตในตลาดส่งออกส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนเติบโตด้วยเช่นกัน โดยบริษัทร่วมทุน GFN และ McKeys นำส่งผลกำไรตามวิธีส่วนได้เสียให้แก่บริษัทจำนวน 163 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 93 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556

ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในส่วนที่เหลือของปีจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีโดยได้รับอานิสงส์จากราคาไก่ในประเทศที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและความต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่ไม่ผันผวนมากนัก

ปัญหาเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารในประเทศจีนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจผลักดันให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เนื้อไก่จากประเทศไทยเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการทยอยยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทยของหลายประเทศ ทำให้ความต้องการบริโภคไก่ไทยในต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้น การเติบโตของตลาดส่งออกจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทร่วมทุนทั้งสองยังคงดีอย่างต่อเนื่อง

งบดุลของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นจาก 49.4% ในปี 2555 มาอยู่ที่ระดับ 36.1% ในปี 2556 ณ เดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนดังกล่าวยังคงปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 34.6% สาเหตุหลักมาจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น ตลอดจนความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่ลดลง และภาระการลงทุนที่ไม่สูง อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 61.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557

ในช่วงปี 2557-2559 บริษัทมีแผนลงทุนประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายของแผนการลงทุนส่วนใหญ่เพื่อขยายฟาร์มไก่เนื้อและไก่พ่อแม่พันธุ์ ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจึงมีเพียงพอที่จะรองรับแผนการลงทุนของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ